Site icon Thumbsup

รวมฮิต 20 กรณีศึกษาของการใช้เทคโนโลยีช่วยแบรนด์ทำตลาด

ในปี 2017 ที่กำลังจะจบลงนี้ อาจกล่าวได้ว่าเป็นอีกหนึ่งปีที่มีการนำเทคโนโลยีมากมายมาใช้ในเชิงการตลาดเพื่อดึงดูดความสนใจจากผู้บริโภค วันนี้เราเลยขอรวบรวมสีสันเหล่านั้นมาฝากกันเป็นการส่งท้ายกับ 20 เรื่องราวดังต่อไปนี้ค่ะ

1. แอปพลิเคชันของหน้ากาก Kobayashi ที่เพิ่มยอดขายได้จากปัญหามลพิษทางอากาศในจีน กรณีนี้เป็นการจัดแคมเปญลดราคาในจีนเมื่อช่วงต้นปีผ่านแอปพลิเคชัน Air Pollution Discount ของหน้ากากยี่ห้อ Kobayashi ของญี่ปุ่น โดยส่วนลดที่จะเกิดขึ้นบนแอปพลิเคชันนั้นจะสูงต่ำแตกต่างกันไปตามค่ามลพิษในแต่ละเมือง และส่วนลดนี้จะมีการอัปเดตอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้บริโภคได้ทราบว่าเมืองที่ตัวเองอยู่นั้นมีค่ามลพิษในระดับใดแล้ว

อ่านเรื่องดี ๆ เรื่องนี้อีกครั้งได้ที่ http://thumbsup.in.th/2017/02/kobayashi-air-pollution-discount-china/

2. ข้อนี้อาจไม่เชิงเป็นเทคโนโลยีจ๋าเสียทีเดียว แต่การที่ NTT Docomo เปิดตัวทิชชู่เช็ดมือถือกำจัดแบคทีเรียในสนามบินนาริตะก็ทำให้เห็นว่า NTT Docomo เข้าใจพฤติกรรมนักท่องเที่ยวว่าระหว่างใช้บริการสนามบิน อุปกรณ์ที่ผู้บริโภคใช้งานมากที่สุดคงหนีไม่พ้นสมาร์ทโฟน เพื่อแสดงความใส่ใจในเรื่องสุขอนามัย ทางบริษัทก็เลยส่งทิชชู่กำจัดแบคทีเรียมาให้ใช้เช็ดหน้าจอสมาร์ทโฟนกันเสียเลย

อ่านเรื่องดี ๆ เรื่องนี้อีกครั้งได้ที่ http://thumbsup.in.th/2017/01/ntt-docomo-introduces-toilet-paper-for-smartphones/

3. ขอเป็นญี่ปุ่นอีกสักข่าว กับการที่บริษัทสุขภัณฑ์ของญี่ปุ่นร่วมใจปรับ 8 สัญลักษณ์ห้องน้ำไฮเทคให้เหมือนกัน ลดความสับสนนักท่องเที่ยวต่างชาติ ในกรณีนี้ นอกจากจะทำเพื่อเพิ่มความสามารถในการใช้งานห้องน้ำไฮเทคของญี่ปุ่นแล้ว ยังเป็นการแสดงให้เห็นว่าบริษัทสุขภัณฑ์เองก็เข้าใจหัวอกคนที่อ่านภาษาญี่ปุ่น – ภาษาจีนไม่ออกได้เป็นอย่างดี

อ่านเรื่องดี ๆ เรื่องนี้อีกครั้งได้ที่ http://thumbsup.in.th/2017/01/japan-hi-tech-toilets-get-standardised-symbols/

4. การดื่มอย่างรับผิดชอบเป็นเรื่องที่ทุกประเทศให้ความสำคัญ ซึ่งในบ้านเราอาจมีกรณีไม่อยากเป่าเครื่องวัดระดับแอลกอฮอล์ด้วยหลายเหตุผล แต่สำหรับกรณีของ “Tostitos” ขนมกรุบกรอบกลับเลือกที่จะติดเซนเซอร์ที่แพกเกจ บอกได้ว่าผู้ซื้อดื่มแอลกอฮอล์หรือไม่ ซึ่งถ้าสัญลักษณ์สีแดงปรากฏขึ้นก็แปลว่าไม่ควรขับรถกลับบ้าน แต่ที่เด็ดไปกว่านั้นคือ จะปรากฏโค้ดของ Uber ให้เรียกไปส่งบ้านให้ด้วย

อ่านเรื่องดี ๆ เรื่องนี้อีกครั้งได้ที่ http://thumbsup.in.th/2017/01/tostitos-new-party-bag-knows-youve-been-drinking-and-will-even-call-you-uber/

5. อาจเพราะ McDonald’s นั้นรู้ใจว่าผู้บริโภค ไม่ว่าใครก็อยากเป็นคนพิเศษ ปฏิบัติการแจกซอสสูตรพิเศษจำนวน 10,000 ขวดผ่าน Social Media จึงได้ถือกำเนิดขึ้น โดยผู้ที่จะรับซอสสูตรพิเศษนี้ได้เพียงต้องบอกโค้ดลับตามที่ McDonald’s กำหนดกับพนักงาน และโค้ดลับนี้จะประกาศผ่านทาง Facebook, Instagram, Twitter และแอปพลิเคชันส่งข้อความ iMessage เท่านั้น

อ่านเรื่องดี ๆ เรื่องนี้อีกครั้งได้ที่ http://thumbsup.in.th/2017/01/mcdonalds-giving-away-its-big-mac-sauce-livestreams-facebook-instagram-and-twitter/

6. เมื่อช่วงต้นปี Pizza Hut เปิดตัวแคมเปญ March Madness Pie Tops ที่ให้สั่งพิซซ่าจากที่ไหนก็ได้ผ่าน “รองเท้าผ้าใบ” โดยความพิเศษคือ รองเท้าผ้าใบนี้ผลิตแบบแฮนด์เมดโดย Shoe Surgeon ผู้ผลิตรองเท้าผ้าใบชื่อดัง และมีเพียง 64 คู่เท่านั้น น่าเสียดายนิดเดียวที่ทีมงานจะส่งรองเท้าเกือบทั้งหมดไปยังบรรดา Influencer และคนในแวดวงมีเดียที่สามารถ “บอกต่อ” ถึงแคมเปญนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

อ่านเรื่องดี ๆ เรื่องนี้อีกครั้งได้ที่ http://thumbsup.in.th/2017/03/pizza-hut-march-madness-pie-tops-sneaker/

7. ส่วนข้อนี้เป็นกระป๋องเบียร์ IoT สำหรับคนขี้เกียจ เบียร์หมดกดสั่งได้จากตัวกระป๋องเลย กับบริการของ Miller Lite On-Demand โดยการสั่งเบียร์สามารถสั่งได้ผ่าน Amazon Alexa หรือจะใช้วิธีกดปุ่มที่มากับกระป๋องเบียร์เพื่อสั่งเบียร์ก็ได้ (ใช้เทคโนโลยีเดียวกับ Amazon Dash) ซึ่งหลังจากสั่งไปแล้ว ภายในหนึ่งชั่วโมงจะมีตัวแทนส่งเบียร์มืออาชีพอย่าง Drizly มาส่งให้ถึงบ้าน แต่จะให้ดีควรทานคู่กับมันฝรั่ง Tostitos ด้านบน จะได้วัดค่าแอลกอฮอลืไปด้วยเลยทีเดียว

อ่านเรื่องดี ๆ เรื่องนี้อีกครั้งได้ที่ http://thumbsup.in.th/2017/03/miller-lite-on-demand-beer-iot-amazon-ipg/

8. การแข่งขันในโลกออฟไลน์ที่ดุเดือดทำให้ห้างแห่งหนึ่งในอังกฤษนำเทคโนโลยี “วิเคราะห์ลูกค้าจากรอยเท้า” มาใช้เสียเลย โดยทางบริษัทได้ติดกล้องไว้เหนือพื้นประมาณ 50 เซนติเมตร สำหรับจับรอยเท้า เพื่อวิเคราะห์ความเคลื่อนไหวของลูกค้าในร้าน ข้อมูลที่ได้จากรองเท้านั้น ไม่เพียงแต่บ่งบอกว่าผู้สวมเพศอะไร อายุเท่าไร แต่ยังสามารถบอกได้ถึงฐานะทางสังคมของพวกเขาด้วย แถมความแม่นยำในการวิเคราะห์ว่าผู้สวมเป็นเพศอะไรยังสูงถึง 80% ซึ่งเหนือกว่าซอฟต์แวร์จดจำใบหน้าเสียอีกค่ะ

อ่านเรื่องดี ๆ เรื่องนี้อีกครั้งได้ที่ http://thumbsup.in.th/2017/03/footfall-analytic-british-customer-hoxton/

9. เราอาจเคยเห็นการใช้เทคโนโลยีเพื่อความรวดเร็วในการแข่งขันกันมาแล้วมากมาย แต่ ห้าง Tesco ในสก็อตแลนด์กลับเลือกที่จะเป็นฝ่ายช้าบ้าง ด้วยการเปิดเลนพิเศษสำหรับลูกค้ากลุ่ม “ช้าพิเศษ” เพื่อให้ผู้สูงอายุ คนพิการ หรือผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมหรือออทิสติกได้ชำระเงินได้อย่างสบายใจมากขึ้น โดยเจ้าหน้าที่แคชเชียร์ในเลนดังกล่าวก็ได้รับการฝึกอบรมพิเศษจาก Autism Scotland เพื่อให้เข้าใจถึงความต้องการพิเศษของลูกค้ากลุ่ม Slower Customer นี้ด้วย โดยบริการเลนพิเศษนี้จะมีให้บริการในช่วงเช้าของวันอังคารและวันพุธเท่านั้น

อ่านเรื่องดี ๆ เรื่องนี้อีกครั้งได้ที่ http://thumbsup.in.th/2017/03/tesco-check-out-lane-for-slower-customer/

10. ข้อนี้เป็นการปรับตัวของธุรกิจโรงแรม SO Sofitel ในสิงคโปร์ที่เพิ่มจุดขายด้วย “SO Augmented” ให้ลูกค้าและแขกของโรงแรมได้ทัวร์ผ่านประสบการณ์ AR โดยทางโรงแรมเลือกที่จะใช้ AR เป็นเครื่องมือในการแนะนำความเป็นมาของโรงแรม การออกแบบตกแต่ง และเรื่องราวต่าง ๆ ปัจจุบัน โรงแรมมีแว่นอัจฉริยะให้ลองเล่นทั้งสิ้น 8 ชุด และมีพนักงานโรงแรมเป็นคนพาทัวร์ให้ค่ะ 

อ่านเรื่องดี ๆ เรื่องนี้อีกครั้งได้ที่ http://thumbsup.in.th/2017/04/so-sofitel-augmented-with-epson-smart-glasses/

11. กรณีนี้เป็นการใช้สื่อ Social Media ของ McDonald’s ออสเตรเลีย ในการคัดเลือกผู้สมัครที่เรียกว่า Snaplication หวังเจาะกลุ่มวัยรุ่นที่ต้องการสมัครงานด้วย Snapchat ให้เข้ามาลองสวมชุดยูนิฟอร์มแบบเวอร์ชวลของ McDonald’s และทำการแนะนำตัวเองผ่านคลิปวิดีโอความยาว 10 วินาทีก็เป็นอันเสร็จสิ้น ซึ่งเมื่อทางบริษัทได้ดูคลิปแนะนำตัวจากวัยรุ่นที่ส่งเข้ามาแล้ว ก็จะส่งต่อให้กับฝ่าย Digital Career เพื่อไปกรอกแบบฟอร์มสมัครงานต่อไปค่ะ

อ่านเรื่องดี ๆ เรื่องนี้อีกครั้งได้ที่ http://thumbsup.in.th/2017/04/mcdonalds-used-snaplication-for-teens-in-australiat-to-pitch-for-jobs/

12. ส่วนข้อถัดมานี้เป็นแบรนด์คู่แข่ง ซึ่งเชื่อว่าหลายคนคงจะจำกรณีนี้ได้ กับการเล่นเอาฮาของ Burger King ที่แหย่ Google Home ได้อย่างสนุก ด้วยการออกโฆษณา TV ที่ใช้พนักงานหน้าตาหล่อเหลามาพูดประโยคว่า “Okay Google, what is the Whopper burger?” ผลก็คือโฆษณานี้ไปเปิดระบบ Google Home อัตโนมัติ และทำให้ระบบผู้ช่วย Google Assistant ในอุปกรณ์ของทุกคนส่งเสียงอ่านประโยคแรกของเรื่องราวเมนูเอกลักษณ์จากร้าน Burger King ที่ถูกบรรยายไว้บน Wikipedia ได้แบบไม่รู้ตัว จน Google ต้องปิดระบบในเวลาต่อมา

อ่านเรื่องดี ๆ เรื่องนี้อีกครั้งได้ที่ http://thumbsup.in.th/2017/04/burger-king-google/

13. เลข 13 เลยขอนำแคมเปญของ Samsung QLED TV ในสวีเดนชื่อ Unspoil Me เป็นการนำเอาการสะกดจิตออนไลน์มาให้ผู้ที่สนใจได้ทดลอง ว่าถ้าพวกเขาต้องลืมรายการโปรดไปจากการสะกดจิตนั้น และได้กลับมาดูรายการโปรดอีกครั้งผ่านจอ QLED ของ Samsung จะรู้สึกอย่างไร ซึ่งกรณีนี้ผู้ทดลองต้องอายุมากกว่า 18 ปีขึ้นไปนะคะ

อ่านเรื่องดี ๆ เรื่องนี้อีกครั้งได้ที่ http://thumbsup.in.th/2017/12/samsung-unspoil-me-sweden/

14. มีหลายแบรนด์ก่อนหน้านี้ที่นำเทคโนโลยี IoT มาใช้กับตัวสินค้า แต่สำหรับ Domino เลือกที่จะจับมือแอปพลิเคชัน IFTTT ให้สั่งการอุปกรณ์ IoT ภายในบ้านได้เลยระหว่างรอพิซซ่า ซึ่งอาจเป็นการสั่งงานในรูปแบบต่าง ๆ เช่น เมื่อพนักงานส่งพิซซ่ามาถึงหน้าบ้าน สามารถสั่งให้หัวฉีดสปริงเกอร์หน้าบ้านหยุดจ่ายน้ำก่อน พนักงานส่งพิซซ่าจะได้ไม่เปียก หรือเมื่อพิซซ่าเข้าเตาอบ สามารถสั่งให้เครื่องดูดฝุ่นทำความสะอาดบ้านเอาไว้รอสมาชิกที่จะมาร่วมปาร์ตี้ได้ จึงน่าจะถือเป็นการเปิดศักราชการใช้ IoT อย่างคุ้มค่ามากที่สุดครั้งหนึ่งเลยทีเดียว

อ่านเรื่องดี ๆ เรื่องนี้อีกครั้งได้ที่ http://thumbsup.in.th/2017/05/domino-pizza-partnership-ifttt-application-to-connect-iot-in-4-stages/

15. ธุรกิจกาแฟของทุกประเทศต้องมองหาวิธีสร้างความแตกต่าง ซึ่งในญี่ปุ่นก็เช่นกัน จึงมีคาเฟ่แห่งหนึ่งเลือกที่จะพิมพ์ลายตัวการ์ตูนลงบนฟองครึมเพื่อเรียกลูกค้า โดยมีคาแรคเตอร์ต่าง ๆ ให้เลือกถึง 45 แบบ โดยส่วนหนึ่งเป็นคาแรคเตอร์การ์ตูนดังจากนิตยสารโชเน็นจัมป์รายสัปดาห์นั่นเอง

อ่านเรื่องดี ๆ เรื่องนี้อีกครั้งได้ที่ http://thumbsup.in.th/2017/05/gratte-anime-top-beverage-cafe-innovation/

16. มีจอให้ห้องน้ำอย่างเดียวอาจไม่พอ เพราะบางทีผู้บริโภคอาจจะอยากแชทกับแบรนด์ด้วย นั่นจึงทำให้เอเจนซีในออสเตรเลีย ปรับโฉมตู้ขายของในห้องน้ำเป็นจอ Interactive ให้แบรนด์แชทกับผู้บริโภคได้ โดยมีขนาดจอตั้งแต่ 22, 32, 40 และ 50 นิ้วให้เลือก เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถแชทกับแบรนด์เพื่อสอบถามข้อมูล, สั่งซื้อสินค้า หรือขอตัวอย่างทดลองได้ด้วยค่ะ

อ่านเรื่องดี ๆ เรื่องนี้อีกครั้งได้ที่ http://thumbsup.in.th/2017/07/interactive-media-in-restroom-australia/

17. ส่วนในจีน Alipay กับ KFC ก็หันมาทดลองอะไรสนุก ๆ กันด้วยการ ‘จ่ายเงินด้วยรอยยิ้ม’ แต่ผลของมันไม่เพียงทำให้ผู้บริโภคได้สนุกมากขึ้นกับการสั่ง KFC เท่านั้น แต่มันยังทำให้ระบบวิเคราะห์และจดจำใบหน้าของ Alibaba นั้นฉลาดมากยิ่งขึ้นด้วยค่ะ

อ่านเรื่องดี ๆ เรื่องนี้อีกครั้งได้ที่ http://thumbsup.in.th/2017/09/face-kfc-pay/

18. ใกล้จะจบแล้ว ข้อที่ 18 นี้เป็นป้ายของ Coca-Cola ที่ได้รับการบันทึกใน Guinness World Records ว่าเป็น “The Largest 3D Robotic Billboard” และ “The First 3D Robotic Billboard” ซึ่ง Coca-Cola ติดป้ายนี้ที่ย่านไทม์สแควร์ ในฐานะที่เป็นย่านเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐอเมริกา และเคยมีการบันทึกว่าไทม์สแควร์เป็นย่านที่มีผู้คนผ่านไปมากกว่า 3 แสนคนต่อวันนั่นเอง 

อ่านเรื่องดี ๆ เรื่องนี้อีกครั้งได้ที่ http://thumbsup.in.th/2017/09/robotics-coca-cola-sign/

19. จากพฤติกรรมคนรุ่นใหม่ที่ไม่ค่อยมีกิจกรรมกลางแจ้งมากนัก ทาง L.L.Bean เลยชวนมาใช้ชีวิตกลางแจ้งด้วยโฆษณาสุดพิเศษ กับการแทรกโฆษณาที่พิมพ์ด้วย photochromic Ink ซึ่งเป็นหมึกชนิดพิเศษที่มองไม่เห็น และทำให้มันดูเหมือนกระดาษเปล่า ๆ แผ่นหนึ่งลงในหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ (โดยมีข้อความบอกใบ้สั้น ๆ ว่า Just bring this outside) จะเห็นได้เมื่อถูกแสงแดดเท่านั้น

อ่านเรื่องดี ๆ เรื่องนี้อีกครั้งได้ที่ http://thumbsup.in.th/2017/10/ll-bean-ad-campaign-be-an-outsider-photochromic-ink/

20. ตัวสุดท้ายของเทคโนโลยีที่เราได้รวบรวมมาฝากกันคือ Alexa ที่ก่อนหน้านี้มีการคาดการณ์กันว่า ในช่วงฮอลิเดย์ซีซั่น ผู้ช่วยดิจิทัลอย่าง Alexa จะรับบทบาทสำคัญในการกระตุ้นยอดจับจ่ายใช้สอยออนไลน์ได้ดี ทางแบรนด์  Perry Ellis จึงจับมือกับ Amazon ให้ Alexa ช่วยแนะนำวิธีการแต่งกายในสถานการณ์ต่าง ๆ ถึง 150 สถานการณ์ให้กับผู้ชายที่แต่งตัวไม่เก่งเสียเลย

อ่านเรื่องดี ๆ เรื่องนี้อีกครั้งได้ที่ http://thumbsup.in.th/2017/10/amazon-pair-with-perry-ellis-help-men-dress/
ส่วนปีหน้า เชื่อว่าจะมีเทคโนโลยีที่ว้าวกว่านี้ออกมาอีกแน่นอน คอยติดตามกันต่อไปนะคะ