แน่นอนว่า นักการตลาดทุกคนรู้จัก SEO และการทำงานของ SEO อยู่แล้ว เพราะการใช้ keyword เพื่อตอบโจทย์การค้นหาของผู้คนทั่วโลก เป็นอีกหนึ่งแนวทางที่แบรนด์และฝ่ายไอทีต้องทำงานร่วมกันและใช้ประโยชน์จากการค้นหาของผู้คนอย่างสูงสุด แต่การเข้ามาของ AI ก็ทำให้การค้นหาจากคำตอบ ที่ไม่ใช่แค่ keyword แต่ต้องตอบแบบมาเป็นประโยคกลายเป็นอีกหนึ่งเทรนด์ที่นักการตลาดยุคใหม่ต้องเพิ่มฟีเจอร์นี้เข้าไปในเว็บไซต์ขององค์กร
เพราะ AEO หรือ “Answer Engine Optimization” คือการที่ AI จะมาตรวจจับประโยคหรือข้อความที่เราเคยพิมพ์ไว้ และอาจจะเพิ่มโอกาสการมองเห็นด้วยการไฮไลต์ประโยคนั้นๆ ด้วยเครื่องหมาย ” – ” สี หรือหัวข้อ มาช่วยเพิ่มโอกาสหาเจอของ AI ได้มากขึ้น
เว็บไซต์ surfer และ LinkedIn ได้สรุปเนื้อหาและวิธีการทำ AEO ได้อย่างน่าสนใจเลยทีเดียว โดยรวมๆ ที่ทั้งสองเว็บสรุปมา AEO จะเป็นการดึงข้อมูลของ AI จากเว็บไซต์หรือเนื้อหาทั้งหมดในโลกมาประมวลมาเป็นข้อมูลให้ AI เขียนสรุปอีกครั้งเพื่อให้ user นำไปใช้งาน โดยในแต่ละข้อมูลจะดึงมาจากเว็บไซต์หรือคอนเทนต์ภาพต่างๆ อาจจะมีการอ้างอิงหรือไม่ ต้องแล้วแต่เนื้อหา ข้อดีคือ ช่วยเพิ่มโอกาสหาเจอของเว็บไซต์ของแบรนด์หรือสื่อทั่วไปได้มากขึ้น แต่ข้อเสียคือถ้าเราไม่ได้สร้างจุดเด่นหรือไฮไลต์เนื้อหาอะไรไว้ AI ก็จะสรุปรวมเป็นเนื้อเดียวกัน โดย user ก็จะไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงได้ หรือถ้าผู้ค้นหาไม่เลื่อนไปอ่านลิ้งข้อมูลอื่นๆ ด้านล่าง ก็อาจจะไม่เจอเว็บไซต์ของเราเช่นกัน
วิธีการทำ AEO ประกอบด้วย
- เข้าใจก่อนว่าผู้คนชอบค้นหาด้วยข้อความว่าอะไร
- โครงสร้างคอนเทนต์ต้องชัดเจน มีการไฮไลต์แบบไม่เหมาะสม แบ่งวรรคตอนและหัวข้อให้ครบ
- ภาษาทางการก็ดี แต่ใช้แบบเล่าให้เพื่อนฟังจะดีมาก
การที่เราสรุปเป็น 3 ลักษณะดังกล่าวด้านบนนั้น ค่อนข้างครบถ้วนในสิ่งที่ AI จะนำข้อมูลของเราไปใช้แล้ว แต่เราจะมาขยายความให้เข้าใจชัดเจนขึ้นจาก 3 หลักการด้านบน นั่นคือ
“เข้าใจก่อนว่าผู้คนชอบค้นหาด้วยคำว่าอะไร”
จริงๆ ใช้คำว่า “คำ” อาจจะไม่ถูกต้องนัก เพราะตอนนี้ AI จะอ่านข้อมูลของเราเป็นประโยคมากกว่า เราจะลองเปรียบเทียบกับการทำ SEO เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น
- (ตัวอย่างการไฮไลต์คำแบบ SEO) “ร้านอาหาร” “อร่อย” “ถูก” “สุขุมวิท”
- (ตัวอย่างการไฮไลต์คำแบบ AEO) “ร้านอาหารอร่อย แถวสุขุมวิท” “ร้านอาหารถูก ย่านสุขุมวิท” “แนะนำร้านอาหาร สุขุมวิท”
หากเทียบกันแบบนี้ จะเห็นชัดขึ้นว่า การทำแบบ SEO จะใช้การเน้นคำต่างๆ แบบ keyword ซึ่งยิ่งทำเยอะในบทความยิ่งถูกมองว่าเป็น BOT แถมยังไม่น่ารักสำหรับคนอ่านด้วย แต่การทำเป็นประโยคแบบ AEO จะอิสระในการใช้ประโยคกว้างๆ (sentence) ใส่ในหัวข้อ เพราะ AI จะไปเรียนรู้เอง ทำให้การคิดหัวข้อหรือประโยคอะไรก็ตามเป็นไปได้ง่ายกว่า ดังนั้น ผู้เขียนบทความจึงต้องรู้ว่าใส่เครื่องหมายไฮไลต์ในประโยคไหนถึงจะโดดเด่นและถูก AI หาเจอได้ง่ายขึ้น รวมทั้งการเลือกใช้หัวข้อ (headline) แบบเป็นประโยคคำถามก็เรียกความน่าสนใจของ AI ได้เช่นกัน
โครงสร้างชัด อ่านแล้วรู้เรื่อง
คนที่ชอบอ่านข่าวหรือบทความย่อมต้องการเนื้อหาที่อ่านแล้วเข้าใจง่าย รู้เรื่อง ไม่ต้องแปลความหมายในประโยคเยอะ ไม่ต้องเวิ่นเว้อแบบนิยายหรือบทละคร เพราะ AI จะไม่เข้าใจพวกคำสร้อย คำเวิ่นเว้อ หรือคำเยิ่นเย้อต่างๆ ดังนั้น เขียนประโยคที่ชัดเจนปั๊วะปังไปเลย เช่น ใครอยากกินอาหารเกาหลี ตามมาทางนี้เลย, วิตามินอะไรที่เหมาะกับสาววัย 30 เป็นต้น ส่วนเนื้อหาด้านในก็จัดให้เป็นสัดส่วนสวยงาม ใช้ Bullet มาแยกข้อ ใส่หัวข้อหลัก หัวข้อรอง ให้สวยงาม ถ้าเป็นประโยคคำพูดหรือบอกเล่าอย่าลืมใส่ ” ” ด้วยนะ
เขียนแบบเล่าเรื่อง แต่ไม่ต้องใช้คำยากเกินไป
ภาษาพูดแบบคนทั่วไป ไม่ต้องแทรกภาษาอังกฤษ ภาษาลู หรือภาษา ทุง ทุง ทุง ให้วุ่นวาย เขียนแบบปกติแบบบอกเพื่อน AI ก็จะเข้าใจเราได้ง่ายขึ้นเช่นกัน เขียนให้เป็นลักษณะ บทสนทนาทั่วไป ที่มีการถามตอบให้ชัดเจน เช่น รักษาอาการปวด คอ บ่า ไหล่ ใช้ยาอะไรดี ? ในเนื้อหาก็ตอบไปว่า ยานวดที่น่าใช้จะมี 1,2,3 หรือยาแก้ปวด ยี่ห้อ … เป็นต้น
มีอีกหลายบทความที่เริ่มแนะนำเรื่อง AEO มาบ้าง แบบเวอร์ชั่นไทย ลองไปตามอ่านกันได้ที่
AEO (Ask Engine Optimization) คืออะไร ทำความรู้จักกับขั้นกว่าของการทำ SEO
AEO (Answer Engine Optimization) คืออะไร? ช่วยขับเคลื่อนธุรกิจได้อย่างไร
https://www.facebook.com/share/p/1HKuLaXkfG/
หรือถ้าชอบเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษ ก็ไปตามอ่านกันที่
https://www.linkedin.com/pulse/what-answer-engine-optimization-guide-aeo-powered-growth-gajura-gzlee/
https://surferseo.com/blog/answer-engine-optimization/
เพราะการทำ AEO น่าจะเป็นอีกหนึ่งโอกาสของนักปั้นเว็บไซต์ที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการค้นหาแบรนด์ของคุณให้เจอได้ง่ายขึ้น มาลองทำกันเยอะๆ นะคะ