Site icon Thumbsup

Amazon เปิดตัว Amazon Wallet หวังท้าชน PayPal

amazonWallet

เจ้าพ่ออีคอมเมิร์ซอเมริกัน Amazon เปิดตัวบริการใหม่ล่าสุด Amazon Wallet ท้าชน PayPal และ Google Wallet การันตีเป็นบริการศูนย์รวมบัตรของขวัญหรือ Gift Card Central ที่ผู้ใช้จะสามารถนำไปช้อปได้ทุกร้านค้าที่ต้องการ

ต้องเรียกว่าเป็นผู้ท้าชิงรายใหม่ในวงการกระเป๋าเงินดิจิทัลหรือ digital wallet โดย Amazon เปิดตัวบริการกระเป๋าเงินดิจิทัลอย่างเงียบๆในชื่อ Amazon Wallet เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคมที่ผ่านมา ล่าสุดแอพเปิดให้ดาวน์โหลดผ่านร้าน Amazon App Store และ Google Play แล้วขณะที่ตัวแอพยังเป็นเวอร์ชันทดลอง ทั้งหมดนี้เปิดให้บริการฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย

เช่นเดียวกับบริการอย่าง Google Wallet และ Passbook กระเป๋าเงิน Amazon Wallet จะเปิดให้ผู้ใช้สามารถเพิ่มและเก็บข้อมูลบัตรของขวัญดิจิทัลหลายใบไว้ในที่เดียว วิธีนี้ทำให้การสั่งซื้อสินค้าออนไลน์และออฟไลน์ด้วยสมาร์ทโฟนสามารถทำได้ง่าย แถมผู้ใช้ยังสะดวกสบายเพราะไม่ต้องพกพาบัตรจริงให้รกกระเป๋าเงิน

การเก็บข้อมูลในบริการนี้สามารถทำได้ทั้งในรูปแบบรหัส barcode, QR code, ข้อความ หรือภาพบัตรสมาชิก และบัตรของขวัญที่ผู้ใช้สามารถสแกนเพื่อเก็บลงในโทรศัพท์ได้ จุดนี้มีการตั้งข้อสังเกตว่าบริการ Amazon Wallet ยังต่างจากคู่แข่งที่เปิดตลาดไปก่อนแล้วอย่าง Google Wallet ตรงที่ Amazon Wallet ไม่ได้ผูกบริการเข้ากับระบบจ่ายเงินหรือระบบเครดิตการ์ดใดๆ

Amazon Wallet จะเชื่อมต่อกับไมโครไซต์ของ Amazon ซึ่งจะเก็บข้อมูลบัตรเครดิตและเดบิตการ์ดที่ผู้ใช้มีการผูกเข้ากับบัญชีของ Amazon เท่านั้น จุดนี้ทำให้ Amazon Wallet ถูกมองว่าจะเป็นเครื่องมืออำนวยความสะดวกให้สาวก Amazon เป็นหลัก ไม่ใช่นักช้อปจากทุกค่ายที่สามารถเลือกเก็บข้อมูลบัตรเครดิตเพื่อใช้งานกับร้านค้าใดก็ได้ที่ต้องการ

ที่สำคัญ Amazon Wallet ยังถูกมองว่าถูกสร้างมาเพื่อเสริมแกร่งให้ระบบซื้อขายสินค้าของ Amazon บนสมาร์ทโฟนของบริษัทมีความสะดวกสบายกว่าเดิม โดย Amazon จะติดตั้งหรือ pre-install บริการ Amazon Wallet ในสมาร์ทโฟน Fire Phone ที่มีกำหนดการจัดส่งถึงลูกค้าในสหรัฐฯช่วงเดือนนี้ด้วย

อย่างน้อยที่สุด Amazon Wallet ในสมาร์ทโฟน Fire Phone ก็ทำให้ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องขนขวายติดตั้งแอพพลิเคชันของผู้ให้บริการรายอื่นทั้ง Google, PayPal รวมถึงนานาผู้ให้บริการกระเป๋าเงินออนไลน์รายอื่น แต่สามารถใช้บริการของ Amazon ได้แบบครบวงจร

ที่มา: Gizmodo