Site icon Thumbsup

เศรษฐีอันดับ 1 เอเชียลงทุนใน Startup บริการ PayPal เพื่อ Bitcoin

Asia’s-richest-man-just-invested-in-a-startup-that’s-like-PayPal-for-Bitcoin-350x350

ไม่ธรรมดาแน่สำหรับกรณีที่ชายผู้ได้ชื่อว่าร่ำรวยที่สุดในเอเชียจะหันมาลงทุนใน Startup ที่ให้บริการลักษณะเดียวกับ PayPal แต่เป็นบริการจ่ายเงินออนไลน์ในสกุลเงินเสมือนอย่าง Bitcoin

มหาเศรษฐีอันดับ 1 ของเอเชียนั้นมีนามว่า Li Ka-shing ซึ่งมีทรัพย์สินในครอบครองมากกว่า 2.9 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 9 แสนล้านบาท รายงานจากสำนัก Tech in Asia ระบุว่า Li Ka-shing ไม่ได้ลงทุนในด้วยการซื้อเงิน Bitcoin เพื่อเก็งกำไรโดยตรง แต่ใช้วิธีลงทุนในบริการชื่อ BitPay แทน ซึ่งบริการนี้มีดีกรีเป็นสตาร์ทอัปสัญชาติอเมริกันที่จัดสรรวิธีการจ่ายและรับชำระเงินดิจิตอลในลักษณะที่ PayPal ทำได้กับเงินสกุลปกติ

การลงทุนครั้งล่าสุดของ Li Ka-shing ในบริการ BitPay นั้นได้รับการยืนยันจากสำนักข่าว South China Morning Post โดยระบุว่าเป็นเงินทุนจากบริษัท Horizons Ventures ของแชมป์มหาเศรษฐีเอเชีย น่าเสียดายที่ไม่มีการเปิดเผยมูลค่าการลงทุน

นักเศรษฐศาสตร์อย่าง John Greenwood ประเมินแนวคิดที่ทำให้มหาเศรษฐีเอเชียหันมาลงทุนในระบบเงินเสมือนว่าเป็นเพราะการ ”มองข้ามช็อต” ไปลงทุนในกิจกรรมที่จะเติบโตไปพร้อมกับ Bitcoin โดยแทนที่จะรับความเสี่ยงด้วยการซื้อเงิน Bitcoin มาเก็งกำไร แต่เจ้าสัวรายนี้ใช้เงินเพื่อลงทุนในระบบให้บริการและโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการแลกเปลี่ยนเงิน Bitcoin จุดนี้ถือเป็นกรณีศึกษาสำคัญที่ผู้เกาะติดสถานการณ์ Bitcoin ต้องศึกษาไว้ด้วย

การลงทุนครั้งนี้เกิดขึ้นทั้งที่ Bitcoin ยังมีอนาคตไม่แน่นอน ตัวอย่างเช่นในฮ่องกงนั้น รัฐบาลยังไม่มีการกำหนดกรอบกฎหมายที่แน่ชัดว่าประชาชนมีสิทธิ์ใช้เงิน Bitcoin หรือไม่ ขณะที่รัฐบาลสิงคโปร์ออกแถลงการณ์แล้วว่าจะไม่แทรกแซง โดยจะปล่อยให้ธุรกิจตัดสินใจเองว่าจะยอมรับเงินเสมือนหรือไม่

ตามพจนานุกรมออคฟอร์ด Bitcoin ถูกบัญญัติความหมายไว้ว่า “สกุลเงินดิจิตอลในการทำธุรกรรมซึ่งสามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องผ่านธนาคารกลาง” หลักการทำงานของบิตคอยน์ คือการเป็นสกุลเงินดิจิตอลที่อยู่ภายใต้การดูแลของระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ทำให้ธนาคารของแต่ละประเทศไม่มีอำนาจในการกำหนดค่าเงิน, การพิมพ์-แจกจ่ายธนบัตร และการบันทึกมูลค่าการโอน-ฝากเงิน ซึ่งแทนที่จะต้องให้ธนาคารเป็นผู้ดูแลการโอนเงินของผู้ใช้ แต่บิตคอยน์ออกแบบให้ชาว Bitcoin ทุกคนสามารถรับรู้และช่วยยืนยันการโอนเงินซึ่งกันและกัน ผ่านซอฟต์แวร์และไฟล์ข้อมูลเฉพาะทางที่เชื่อมโยงกันเป็นเครือข่ายทั่วโลก

สิ่งที่น่าสนใจ คือมูลค่าของเงินบิตคอยน์จะเปลี่ยนแปลงขึ้นลงไม่คงที่ เนื่องจากการกำหนดค่าเงิน 1 บิตคอยน์จะเกิดจากการคำนวณผ่านกลุ่มบุคคลทั่วโลกที่อุทิศคอมพิวเตอร์ประสิทธิภาพสูงของตัวเองเพื่อเปิดซอฟต์แวร์ของบิตคอยน์ให้ทำงานตลอดเวลา (คนกลุ่มนี้จะได้รับบิตคอยน์กลับมาให้ตัวเองเป็นการตอบแทน) โดยเงินบิตคอยน์นั้นสามารถนำไปแลกเปลี่ยนเป็นเงินจริงของประเทศต่างๆได้ หรือสามารถนำไปซื้อสินค้าและบริการบนอินเทอร์เน็ต

ล่าสุด 1 บิตคอยน์มีมูลค่าลดลงเหลือ 800 เหรียญสหรัฐฯ หลังจากทะยานเกิน 1,200 เหรียญเมื่อต้นเดือนธันวาคม และทะลุ 1,000 เหรียญสหรัฐฯ เป็นครั้งแรกเมื่อวันอังคารที่ 26 พฤศจิกายนที่ผ่านมา

ในมุมของ BitPay สตาร์ทอัปอนาคตไกลนี้ก่อตั้งในปี 2011 ได้รับการเพิ่มทุนมาแล้วเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาด้วยเงินมูลค่า 2 ล้านเหรียญสหรัฐ ผู้สนับสนุนหลักคือกลุ่ม Founders Fund บริษัทร่วมทุนที่เริ่มมาจากกลุ่มแก๊งที่เรียกตัวเองว่า PayPal Mafia

ที่มา : Tech in Asia