Site icon Thumbsup

บ้านปูฯ เผยแผนธุรกิจ 5 ปี ขยายการเติบโตสู่พลังงานเพื่อความยั่งยืน

บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านพลังงานในระดับนานาชาติ รายงานผลการดำเนินธุรกิจในปี 2563 มีรายได้จากการขายและการให้บริการรวม 68,575 ล้านบาท ลดลง 17% จากปีก่อนหน้า ขาดทุนสุทธิ 1,682 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากราคาถ่านหินและก๊าซธรรมชาติที่ปรับตัวลดลง

พร้อมนำเสนอแผนธุรกิจ 5 ปี ฉบับใหม่ สำหรับปี 2564 – 2568 ที่เดินหน้าและต่อยอดกลยุทธ์ Greener & Smarter นำเทคโนโลยีและเครื่องมือดิจิทัลเร่งกระบวนการเปลี่ยนผ่านทั่วองค์กร ขยายการเติบโตสู่พลังงานสะอาดรองรับเทรนด์แห่งโลกอนาคต มุ่งนำเสนอโซลูชันด้านพลังงานครบวงจรด้วยระบบนิเวศทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง เพื่อสร้างพลังงานที่ยั่งยืนให้กับโลก

นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ผลการดำเนินธุรกิจพลังงานในปี 2563 สะท้อนความท้าทายจากวิกฤตโควิด-19 ซึ่งส่งผลกระทบอย่างชัดเจนต่อเศรษฐกิจโลกและทุกภาคอุตสาหกรรม รวมทั้งความต้องการด้านพลังงานโลกในภาพรวมลดลง  แม้กระนั้น เรายังคงสามารถปรับกลยุทธ์และแนวทางการดำเนินธุรกิจให้สามารถรับมือกับสภาวะที่เปลี่ยนแปลง และสอดคล้องกับวิถีใหม่ของโลกในยุค Never Normal และยังประสบความสำเร็จอย่างน่าพอใจในการเดินหน้า Banpu Transformation เพื่อเปลี่ยนผ่านองค์กรสู่เป้าหมายของความยั่งยืนด้านพลังงาน ทั้งในด้านการเพิ่มสัดส่วนพอร์ตฟอลิโอพลังงานสะอาดและฉลาด ผ่านบริษัท บ้านปู เน็กซ์ จำกัด มุ่งสร้างการเติบโตทางธุรกิจที่ตอบรับกับเทรนด์พลังงานแห่งโลกอนาคต สนับสนุนการผลิตและการใช้พลังงานสะอาด และการปรับเปลี่ยนองค์กรสู่ยุคดิจิทัล (Digital Transformation)  ด้วยการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาใช้อย่างชาญฉลาด” 

แผนธุรกิจ 3 แกน

Acceleration  เร่งสร้างการเติบโตตามกลยุทธ์ Greener & Smarter ใน 4 ธุรกิจหลัก คือธุรกิจก๊าซธรรมชาติ ธุรกิจเหมือง ธุรกิจผลิตไฟฟ้า และธุรกิจเทคโนโลยีพลังงาน

Antifragile  รับมือกับความเปลี่ยนแปลงและวงจรเศรษฐกิจโลกผ่านพอร์ตโซลูชันด้านพลังงานที่ครบวงจร โดยกระจายความเสี่ยง และคว้าโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ 

Augmentation – ต่อยอดระบบนิเวศทางธุรกิจปัจจุบันและความเชี่ยวชาญในด้านพลังงานเพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ในการสร้างรายได้ ซึ่งทั้งหมดนี้จะช่วยเร่งกระบวนการเปลี่ยนผ่านไปสู่พอร์ตพลังงานสะอาดและเทคโนโลยีพลังงานที่สอดคล้องกับเทรนด์พลังงานในอนาคตได้รวดเร็วและยั่งยืนมากยิ่งขึ้น

แนวทางดำเนินการธุรกิจหลัก 3 กลุ่ม

กลุ่มธุรกิจแหล่งพลังงาน ทางด้านธุรกิจก๊าซธรรมชาติ จะมุ่งสร้างประสิทธิภาพสูงสุด โดยจะรักษากำลังการผลิตอยู่ที่ประมาณ 700 ลูกบาศก์ฟุตเทียบเท่าก๊าซธรรมชาติต่อวัน รวมทั้งการคว้าโอกาสเมื่อสถานการณ์ราคาก๊าซเพิ่มสูงขึ้น ด้วยการประกันความเสี่ยงการลงทุน (Hedging) และสร้างความยืดหยุ่นในงบลงทุน (CAPEX Flexibility) ส่วนธุรกิจเหมือง มุ่งเน้นการสร้างกระแสเงินสดในช่วงราคาถ่านหินเพิ่มสูง บริหารต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล  รวมทั้งเพิ่มการจัดซื้อถ่านหินจากผู้ผลิตรายอื่นร่วมด้วย (Coal Trading) เพื่อให้สามารถส่งมอบผลิตภัณฑ์ได้ตรงตามความต้องการที่แตกต่างของลูกค้าแต่ละราย 

กลุ่มธุรกิจผลิตไฟฟ้า เน้นสร้างเสถียรภาพการเดินเครื่องของโรงไฟฟ้าทั้งหมดด้วยดัชนีค่าความพร้อมจ่าย (Equivalent Availability Factor: EAF) ที่สูง และเดินหน้าเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์โรงไฟฟ้าต่างๆ ตามแผน อีกทั้งมุ่งขยายกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่องของโรงไฟฟ้าในปัจจุบันตามกลยุทธ์ Greener & Smarter ทั้งในจีน ญี่ปุ่น และเวียดนาม สำหรับแนวทางการดำเนินการในอนาคตจะมุ่งเน้นการลงทุนเพิ่มเติมในโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ โรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน และขยายการลงทุนไปสู่ตลาดใหม่ ๆ ที่มีศักยภาพการเติบโตสูง เช่น ในสหรัฐอเมริกา และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 

กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีพลังงาน มุ่งเน้นการสร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดด (Scale Up) ขยายระบบนิเวศของธุรกิจเทคโนโลยีพลังงานเพื่อคว้าโอกาสทางธุรกิจจากเทรนด์ด้านพลังงานใหม่ๆ รวมทั้งชูจุดเด่นการเป็นผู้ให้บริการสมาร์ทโซลูชันด้านพลังงานสะอาดที่ฉลาดขึ้นด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลครบวงจรในธุรกิจระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Rooftops) ธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนขนาดใหญ่ (Renewable Energy Power Plant) ธุรกิจระบบกักเก็บพลังงาน (Energy Storage System หรือ ESS) ธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle หรือ EV) ธุรกิจเมืองอัจฉริยะ (Smart City) และธุรกิจแพลตฟอร์มการซื้อขายไฟฟ้า (Energy Trading) 

“ในโลกยุค Never Normal การเดินหน้าสร้างการเติบโตที่มุ่งนำเสนอโซลูชันด้านพลังงานครบวงจร จะต้องทันกับตลาดและพฤติกรรมของผู้บริโภค ตลอดจนเทรนด์พลังงานแห่งโลกอนาคตที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกัน ก็ต้องยืนหยัดก้าวข้ามความท้าทายที่คาดเดาไม่ได้ 5 ปีต่อจากนี้ เราตั้งเป้าว่า ภายในปี 2568 EBITDA จากธุรกิจพลังงานสะอาดและเทคโนโลยีพลังงานของบ้านปู จะมีสัดส่วนถึงร้อยละ 50 เพื่อเดินหน้าต่อไปอย่างแข็งแกร่งในระยะยาวสู่อนาคตพลังงานเพื่อความยั่งยืน (Smarter Energy for Sustainability)นางสมฤดี กล่าวปิดท้าย  

สำหรับภาพรวมปี 2563 บ้านปูฯ มีรายได้จากการขายและการให้บริการรวม 2,283 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 68,575 ล้านบาท) ลดลงจากปีก่อน 476 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 14,298 ล้านบาท) คิดเป็นร้อยละ 17 มีกำไรก่อนหักภาษี ดอกเบี้ย ค่าเสื่อมและค่าใช้จ่ายตัดจ่าย (EBITDA) รวม 563 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 16,910 ล้านบาท) ลดลงร้อยละ 20 จากปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นผลมาจากราคาถ่านหินและก๊าซธรรมชาติที่ปรับตัวลดลง และรายงานผลขาดทุนสุทธิจำนวน 56 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1,682 ล้านบาท)