Site icon Thumbsup

ฝุ่นยังไม่จาง สร้างรายได้โต 300% “Blueair” สู้ตลาดเครื่องฟอกอากาศ

บรรยากาศฝุ่นควันและไวรัสยังคงมีอยู่ในไทยตั้งแต่ช่วงต้นปี 2020 ทำให้หลายธุรกิจที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็น หน้ากรอก เครื่องกรองอากาศ เครื่องตรวจวัดคุณภาพอากาศ เครื่องฟอกอากาศ ต่างก็เป็นกลุ่มสินค้าที่ผู้บริโภคแย่งกันจับจ่ายและตัดสินใจซื้อแบบไม่ลังเล แม้ราคายังคงสูงก็กล้าที่จะซื้อเพื่อสุขภาพ

นอกจากแบรนด์เครื่องฟอกอากาศและกรองอากาศแบรนด์ดังที่หลายคนรู้จักดีในท้องตลาดแล้ว BlueAir ของบริษัท แสงชัยแอร์ควอลิตี้ ก็เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่ประกาศชัดว่าตั้งแต่มีปัญหาเรื่องฝุ่นควันมาช่วง 2-3 ปีหลังนี้ ทำให้บริษัทมีโอกาสเติบโตแบบก้าวกระโดด คือโตกว่า 300% ต่อเนื่องมาหลายปี เพราะคนไทยเข้าใจว่าเครื่องฟอกอากาศไม่ใช่แค่สิ่งที่มีอยู่ในเครื่องปรับอากาศ แต่การมีแยกไว้ก็ช่วยเพิ่มความสะอาดในอากาศได้ดีกว่า

ธุรกิจภาพรวมดีขึ้น

นายวรเทพ อัศวนิเวศน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แสงชัยแอร์ควอลิตี้ จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายเครื่องฟอกอากาศ แบรนด์ Blueair (บลูแอร์) เล่าว่า บริษัท แสงชัยแอร์ควอลิตี้ จำกัด เป็นหนึ่งในบริษัทเครือของแสงชัยกรุ๊ป เราเริ่มก่อตั้งบริษัทในปี พ.ศ. 2545 ดำเนินธุรกิจมามากกว่า 18 ปี โดยเราเริ่มจากธุรกิจเครื่องฟอกอากาศ ซึ่งปัจจุบันคือ เครื่องฟอกอากาศ Blueair เป็นแบรนด์จากสวีเดน วางจำหน่ายทั่วโลกกว่า 60 ประเทศ ที่เราเลือกแล้วว่า เป็นสินค้าที่มีคุณภาพที่ดีที่สุด อัตราการฟอกสูงที่สุด ตามมาตรฐานสากล มีดีไซน์ที่สวยเรียบแบบสแกนดิเนเวีย มั่นใจว่าลูกค้าทุกคนเมื่อหายใจเข้าจะได้รับอากาศที่บริสุทธิ์จริงๆ

เหตุผลที่ทางบริษัทนำเครื่องฟอกอากาศ Blueair มาทำตลาดในประเทศไทย เพราะมองเห็นแนวโน้มของปัญหามลพิษที่เริ่มมากขึ้นทุกๆ ปี ในประเทศกำลังพัฒนา ดังนั้น ความสำคัญของอากาศบริสุทธิ์ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดี โดยเฉพาะเด็กๆ ที่ต้องใช้ชีวิตเติบโตภายในบ้าน ในขณะที่อากาศในบ้านเราทุกวันนี้ เต็มไปด้วยฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5  คนต้องใส่หน้ากากกันมากขึ้น เราหลีกเลี่ยงไม่ได้เมื่อต้องออกไปใช้ชีวิตข้างนอก บนท้องถนน แต่อากาศภายในบ้าน เรามีสิทธิ์ที่จะใช้เครื่องฟอกอากาศเพื่อให้เราได้รับอากาศที่บริสุทธิ์ ดังนั้นเครื่องฟอกอากาศที่ดีและมีคุณภาพสูงจึงเป็นที่จำเป็นมากๆในบ้านของเรา

ปัจจุบัน เครื่องฟอกอากาศ Blueair มีจำหน่ายทั้งหมด 4 ซีรี่ย์ คือรุ่น Classic แบ่งออกเป็น 3 รุ่น เล็ก-กลาง-ใหญ่ เริ่มต้นที่ห้องขนาด 26 ตรม. 40 ตร.ม.จนถึง 72 ตร.ม. จะเน้นการใช้งานในบ้านเป็นหลัก มีฟังค์ชั่นเชื่อมต่อ wifi บ้าน เพื่อสั่งการใช้งานผ่านแอพพลิเคชั่น Blueair friend บนมือถือ มีเซ็นเซอร์ในตัวเพื่อตรวจจับค่าฝุ่น Pm2.5 ว่ามีปริมาณเท่าไหร่ แสดงผลเป็นตัวเลข และแบบกราฟ สามารถดูย้อนหลังได้ เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบเทคโนโลยี ทำให้มีความสะดวกสบายมากขึ้น

และรุ่น Pro มี 2 รุ่น คือ  Pro M กับ Pro L รุ่นนี้เหมาะสำหรับใช้ในสำนักงาน หรือ บ้านที่เน้นฟังก์ชั่นการใช้งานที่ง่ายแต่ประสิทธิภาพสูง Sense+ รุ่นนี้เน้นดีไซน์ที่โดดเด่น สวยหรู สามารถเป็นเฟอร์นิเจอร์ สำหรับตกแต่งห้องได้ มาด้วยกัน 4 สี บวกกับเทคโนโลยีสั่งงานผ่านมือถือ ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ได้ไม่ยาก และรุ่น Blue จะเป็นรุ่นที่รองรับอีกกลุ่มในเรื่องของราคา เพราะตัวเครื่องจะทำจากพลาสติก ไม่ต้องการความยุ่งยากใด ๆ ในการใช้งาน  มีความเรียบง่าย และมีสีสัน สั่งการใช้งานแค่ปุ่มเดียวจบ

นอกจากนี้ ตั้งแต่เปิดต้นปี 2020 มาก็พบว่ามียอดขายที่เป็นบวกขึ้นเรื่อยๆ คาดว่าสิ้นปีภาพรวมสินค้ากลุ่มฟอกอากาศ ชิ้นส่วนและอะไหล่จะมีการเติบโตที่ดีขึ้น

แม้แข่งขันรุนแรงแต่ภาพรวมคือดีขึ้น

นายบุญฤทธิ์ ฉันสุวรรณ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท แสงชัย แอร์ควอลิตี้ จำกัด กล่าวเสริมว่า ตลาดเครื่องฟอก Blueair มีการเติบโตอย่างรวดเร็วแบบก้าวกระโดด โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา มีการเติบโตเกือบเท่าตัวในระยะเวลา 2-3 ปีที่ผ่านอันเนื่องมากจากภาวะมลพิษเพิ่มสูงขึ้นทุกปี การก่อสร้าง การพัฒนาประเทศ จำนวนรถยนต์ที่มากขึ้น และในปี 2562 ที่ผ่านมา มีการเติบโตจากปี 2561 ถึง เท่าตัวหรือ 300% จากปัญหาเรื่องฝุ่น PM 2.5

ปัจจุบันตลาดเครื่องฟกอากาศมีการแข่งขันที่รุนแรงขั้นอันเนื่องมากจากปัญหาเรื่องฝุ่น PM 2.5 เกินระดับความปลอดภัยในหลายๆ เมือง แต่เนื่องจาก Blueair จะอยู่ในกลุ่มเครื่องฟอกอากาศระดับพรีเมียม จึงยังแทบไม่มีคู่แข่งในตลาดบน ทำให้เรามียอดขายและส่วนแบ่งตลาดสูงสุดในตลาดพรีเมียม อีกทั้งกลุ่มลูกค้าคนไทยมีการศึกษาที่ดีขึ้น มีการหาข้อมูลจาก Social media มากขึ้น ทำให้ลูกค้าสามารถเปรียบเทียบคุณสมบัติ ค่าทดสอบต่างๆ และตัดสินใจเลือกซื้อ Blueair โดยเราแทบไม่ได้ใช้งบโฆษณาใดๆ

ทางด้านภาพรวมตลาดเครื่องฟอกอากาศที่มีมูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาทนั้น บริษัทตั้งเป้ายอดขายกลุ่มเครื่องฟอกอากาศที่ 20% และภาพรวมยังใช้การสื่อสารกับลูกค้าบนโลกออนไลน์ต่อเนื่องเพื่อสร้างความมั่นใจด้านแบรนด์ โดยส่วนใหญ่ยังเป็นกลุ่มคนกรุงเทพและหัวเมืองใหม่มากกว่า ส่วนตามต่างจังหวัด ก็ได้ทำตลาดร่วมกับพาร์ทเนอร์อย่าง Central, Power Buy, Paragon, Emporium, The mall และ บุญถาวร