Site icon Thumbsup

หนังสือแนะนำ: Don’t make me think! สำหรับคนรักการออกแบบเว็บ

วันนี้ข่าวคราวธุรกิจดิจิตอลไม่ค่อยร้อนแรง เลยถือโอกาสเอาหนังสือดีๆ สำหรับคนที่ชื่นชอบเรื่องการออกแบบเว็บมาแนะนำ นั่นคือ Don’t make me think! A common sense approach to Web Usability โดย Steve Krug (Second edition) ซึ่งจะทำให้เราเข้าใจถึงการออกแบบเว็บให้มีประโยชน์และ “ใช้งานได้ดีมากขึ้น” ไม่ใช่เพียงแค่ “สวยขึ้น” อย่างเดียว

หนังสือ Don’t make me think! เป็นหนังสือเกี่ยวกับด้าน Web Usability หรือถ้าแปลไทยง่ายๆ ก็คือข้อแนะนำในการออกแบบให้เว็บไซต์ใช้งานได้ง่าย และตอบจุดประสงค์ของผู้ใช้ โดยเฉพาะปัจจุบันที่ผู้คนมีเวลาน้อยลง เราต้องรีบเร่งทำอะไรต่อมิอะไรมากมาย ผู้บริโภคจะต้องการอะไรมากกว่ากันระหว่าง เว็บที่สวยงาม มีอนิเมชั่นหวือหวา กับเว็บธรรมดาที่ไม่มีอะไรหวือหวา แต่ใช้งานได้ดีตอบจุดประสงค์ของผู้ใช้?

ผมว่ามันแล้วแต่ว่าจุดประสงค์ของเว็บไซต์นั้นมีไว้ทำอะไร แต่ถ้าหากว่าคุณต้องการทำเว็บไซต์ให้คนทั่วไปใช้ มันก็ควรจะอ่านง่ายสบายตา ค้นหาข้อมูลง่าย ทำสิ่งที่ผู้ใช้ต้องการได้ในเวลาไม่นาน ซึ่งDon’t make me think! ของ Steve Krug จะบอกคุณทุกขั้นตอนเลยครับ นับตั้งแต่ แนวคิดว่าเว็บไซต์ที่ดีคือเว็บอย่างไร การออกแบบที่ตรงกับวัตถุประสงค์ทางธุรกิจ กระบวนการคิด การสร้างเว็บ การทำ Usability Testing (ทดสอบกับกลุ่มตัวอย่างว่าผู้ใช้ใช้งานเว็บไซต์เราแล้วชอบไม่ชอบอย่างไร และต้องแก้ไขอะไรบ้าง)

นอกจากนี้ยังนำเสนอในรูปแบบภาษาอังกฤษแบบอ่านง่ายจบในเวลาไม่กี่ชั่วโมง เนื้อหายังผสมรูปการ์ตูนน่ารักๆ พร้อมมุกตลกที่ทำให้คุณอ่านไปอมยิ้มไป

สำหรับเมืองไทย เมื่อสัก 10 ปีก่อน ผมเจอคนออกแบบเว็บหลายคนไม่ค่อยสนใจเรื่อง Web Usability และ Web standard นึกจะเปลี่ยนโลโก้อะไรก็เปลี่ยน นึกจะเปลี่ยนสีก็เปลี่ยนโดยไม่มองเรื่องอารมณ์ของผู้ใช้ นึกจะวางเมนู เนื้อหาและขนาดฟอนต์แบบไหนก็ทำโดยไม่คิดว่าคนอ่านจะสับสน รู้ไม่มี Navigation ไม่สนใจเครื่อง Performance ของมัน รู้แต่เพียงว่าได้รับโจทย์มาก็จะทำตามที่เขาสั่งมาอย่างนั้นโดยไม่ได้ใคร่ครวญถึงประโยชน์ของผู้ใช้เป็นศูนย์กลาง แต่! เดี๋ยวนี้ผมไม่ค่อยเจอแล้ว เพราะปรากฏว่าหลายคนได้อ่าน Don’t make me think! มาแล้วทั้งนั้น

หนังสือเล่มนี้เลยถือได้ว่าเป็นหนังสือคลาสสิกขึ้นหิ้งอีกเล่มสำหรับคนรักการออกแบบเว็บ ปัจจุบันหนังสือเล่มนี้มี 2 edition โดยเล่มล่าสุดคือ 2549 อาจจะเก่าไปสักนิด แต่ลองหาอ่านกันดูครับ รับรองว่าคุ้มค่า ส่วนใครที่ยังไม่ค่อยแน่ใจ ลองอ่านใน Google Books? และบล็อกของ Steve ดูก่อนได้ครับ

ปล. หนังสือเล่มนี้เคยแปลไทยมาแล้วใน edition แรก แต่ตอนนี้ไม่น่าจะเหลือแล้วล่ะครับ