Site icon Thumbsup

รู้จัก “ดร.สุทธาภา อมรวิวัฒน์” ผู้กุมบังเหียนทีม AI แห่ง “SCB Abacus”

ดร.สุทธาภา อมรวิวัฒน์

จากงานเปิดตัว SCB Abacus เมื่อวานนี้ หลายคนคงได้เห็นถึงความเอาจริงเอาจังของธนาคารไทยพาณิชย์ในการปรับตัวให้สามารถรับมือกับเทคโนโลยีขั้นสูงอย่างเรื่องของ AI โดยเฉพาะการนำมาใช้วิเคราะห์ข้อมูลทางธุรกิจกันไปแล้ว แต่ความโดดเด่นภายในงานนอกจากเรื่องของ AI ที่ไทยพาณิชย์จะมุ่งไปแล้ว อีกเรื่องหนึ่งที่มองข้ามไม่ได้ก็คือผู้บริหารของ SCB Abacus อย่าง “ดร.สุทธาภา อมรวิวัฒน์” ที่จะก้าวขึ้นมาเป็นแม่ทัพของทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมหลายสิบชีวิตจากสถาบันการศึกษาชั้นนำ วันนี้เราจึงไม่พลาดที่จะชวนไปรู้จักซีอีโอหญิงเก่งคนนี้กันให้มากขึ้น  

โดยก่อนหน้าที่ ดร.สุทธาภา จะก้าวเข้ามาดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีบี อบาคัส จำกัด (SCB Abacus) นั้น เธอเคยดำรงตำแหน่งรองผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุดของศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ (EIC) และฝ่ายวิเคราะห์ความเสี่ยงของธนาคารฯ นอกจากนี้ ดร.สุทธาภายังเป็นหนึ่งในคณะอนุกรรมาธิการด้านการเงิน การธนาคาร และสถาบันการเงินในตลาดทุน สภานิติบัญญัติแห่งชาติ อีกด้วย

ไม่เพียงเท่านั้น ก่อนที่จะเข้ามาร่วมงานกับธนาคารไทยพาณิชย์ ดร. สุทธาภามีบทบาทในวงการการเงินและการธนาคารมาอย่างต่อเนื่อง และมีประสบการณ์การทำงานกว่า 10 ปี ในองค์กรชั้นนำทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงองค์กรระหว่างประเทศ ได้แก่ นักเศรษฐศาสตร์ประจำกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ณ กรุงวอชิงตัน ดีซี ประเทศสหรัฐอเมริกา ผู้อำนวยการส่วนวิเคราะห์เศรษฐกิจมหภาคของสำนักงานเศรษฐกิจ การคลัง กระทรวงการคลัง และเป็นผู้ก่อตั้งและดูแลสายงานวิเคราะห์ความเสี่ยง (Risk Analytics) กลุ่มบริหารความเสี่ยงของธนาคารพาณิชย์ของไทย

สำหรับแวดวงการศึกษา ดร.สุทธาภา เป็นวิทยากรให้สถาบันการศึกษาชั้นนำทั้งในไทยและต่างประเทศ อาทิ มหาวิทยาลัยฮิโตะสึบะชิ ประเทศญี่ปุ่น สถาบันเทคโนโลยีแห่งอินเดีย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยเเห่งชาติสิงคโปร์ รวมทั้งยังเขียนคอลัมน์ประจำรายเดือนชื่อว่า “In Ponderland” ให้แก่หนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์

ดร.สุทธาภา เคยได้รับพระราชทานทุนเล่าเรียนหลวง (King’s Scholarship) จบการศึกษาในระดับปริญญาตรี สาขาคณิตศาสตร์ประยุกต์ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด และปริญญาเอกสาขาเศรษฐศาสตร์ การบริหารและนโยบาย สถาบันเทคโนโลยีแห่งรัฐแมสซาชูเซตส์ (M.I.T.) ประเทศสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ยังเคยเป็นตัวแทนประเทศไทยไปแข่งขันเคมีโอลิมปิกระหว่างประเทศ (ICho) ครั้งที่ 23 และในปีพ.ศ. 2550 ดร.สุทธาภา ยังได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งใน 21 ผู้นำรุ่นใหม่ที่สถาบันเอเชียโซไซตี้ ณ กรุงนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกาอีกด้วย ซึ่งในมุมของของเธอต่อ AI นั้น ดร.สุทธาภากล่าวว่า

“จริง ๆ แล้วทุกวันนี้ เทคโนโลยีอย่าง AI มีอยู่รอบตัวเรา และช่วยงานเราในหลาย ๆ ด้าน ทั้งการให้คำแนะนำในการเลือกซื้อสินค้าและบริการแบบเรียลไทม์ การสแกนสแปมเมล ไปจนถึงช่วยให้มนุษย์มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เช่น การใช้ AI รักษาโรคทางพันธุกรรม”
“สิ่งหนึ่งที่ AI ทำได้ และทำได้ดีกว่ามนุษย์คือการประมวลผลข้อมูลจำนวนมหาศาล เราสามารถให้ Machine Learning ซึ่งเป็นสาขาหนึ่งของ AI ศึกษาเพลงของโมสาร์ททั้งหมดและแต่งเพลงเลียนแบบแนวทางของโมสาร์ทออกมาได้ เราสามารถใช้ Deep Learning ที่เป็นอีกสาขาหนึ่งของ AI เอาชนะผู้เล่นเกมหมากกระดานอย่างโกะ (Go) ได้ ซึ่งเมื่อ AI มีศักยภาพในระดับนี้ การนำ AI มาใช้เพิ่มประสิทธิภาพให้กับธุรกิจการเงินจึงเป็นเรื่องที่ต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน”
ดร. สุทธาภา ได้ยกตัวอย่างการนำ AI มาใช้ในภาคการเงินเช่น การใช้ตรวจสอบธุรกรรมว่าธุรกรรมใดมีความเสี่ยงที่จะเป็นการฉ้อโกง หรือแทนที่จะแนะนำผลิตภัณฑ์ทางการเงินด้วยมนุษย์ เราอาจใช้ Robo-Advisor เป็นผู้ให้คำแนะนำแทน
นอกจากนั้น ภารกิจหนึ่งของ SCB Abacus ยังเป็นการนำ AI มาใช้ช่วยแนะนำสินค้าหรือบริการที่ตรงกับพฤติกรรมผู้ใช้งานบน SCB Easy 3.0 ด้วย รวมถึงการเก็บข้อมูลไลฟ์สไตล์ เช่น การใช้งานอุปกรณ์ Fitness Tracker และนำข้อมูลจากอุปกรณ์เหล่านั้นมาใช้ในการคำนวณเบี้ยประกันสุขภาพแบบเฉพาะบุคคลให้กับลูกค้าแต่ละราย
ภารกิจสุดท้ายคือการนำ AI มาใช้ทำความเข้าใจ Issue ที่ลูกค้าแต่ละรายมี หรือใช้ตรวจจับปัญหา และแจ้งเตือนลูกค้าของไทยพาณิชย์ได้ก่อนที่ความเสียหายจะเกิดขึ้น ซึ่งทั้งหมดนี้ เชื่อว่าในอีก 6 เดือนข้างหน้าเราคงได้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของธนาคารไทยพาณิชย์ ภายใต้ทีมเทคโนโลยีอย่าง SCB Abacus ที่มี ดร.สุทธาภา อมรวิวัฒน์ กุมบังเหียนอย่างแน่นอน