Site icon Thumbsup

Coca-Cola ลุยพัฒนา digital signage ของตัวเองหวังลดต้นทุน

digital signage คือคำเรียกรวมระบบสื่อประชาสัมพันธ์ทางจอภาพอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งไม่ใช่สื่อสิ่งพิมพ์หรือโปสเตอร์กระดาษ วันนี้ Coca-Cola ออกมาเปิดเผยถึงแผนการปฏิวัติตัวเองด้วยการใช้เทคโนโลยีของ Google ในการทำให้ระบบ digital signage ของตัวเองมีต้นทุนต่ำลงกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

กรณีศึกษานี้น่าสนใจไม่น้อยสำหรับแบรนด์ที่ต้องการลดต้นทุนการโฆษณาบน digital signage โดยหากจะอธิบายให้เข้าใจง่าย digital signage คือการจับคู่ระหว่างซอฟต์แวร์และหน้าจอคุณภาพสูง เพื่อให้ข้อความและภาพบนโฆษณาสามารถเปลี่ยนแปลงได้ทันทีตามความต้องการของแบรนด์ เรียกว่าเมื่อมีโปรโมชันใหม่ก็สามารถขึ้นภาพกราฟิกโฆษณาขายได้ทันใจ

สิ่งที่ Coca-Cola ทำคือการลงมือสร้างระบบ digital signage ของตัวเองด้วยการนำฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์หลายชนิดของ Google มาติดตั้งและออกแบบใหม่ โดยมีแผนจะนำ digital signage ที่ตัวเองพัฒนาขึ้นมาใช้กับจุดจำหน่ายหรือ in-store points of sale จำนวนหลายพันแห่งทั้งที่ร้านอาหาร ลานกว้างในอาคาร รวมถึงสถานที่สาธารณะที่ผู้คนพลุกพล่าน

ปัญหาที่ทำให้ Coca-Cola ลุกขึ้นมาปฏิวัติตัวเองด้วยการสร้าง digital signage เวอร์ชัน in-house ของบริษัท คือต้นทุนของระบบ digital signage ที่สูงขึ้นทุกที ขณะเดียวกัน Coca-Cola ระบุว่าต้องการเพิ่มคุณสมบัติให้ digital signage สามารถตอบโต้ได้มากขึ้น

Greg Chambers ผู้อำนวยการฝ่าย digital innovation ระดับโลกของ Coca-Cola ให้ข้อมูลว่าต้นทุนการลงโฆษณาบนจอเมนูดิจิทัลหรือ digital menu boards ในวันนี้สูงถึง 40,000 เหรียญหรือประมาณ 1.3 ล้านบาท

ข้อมูลนี้จากผู้บริหาร Coca-Cola แสดงว่า เมนูดิจิทัลนั้นมีต้นทุนมากกว่าสื่อประเภท digital signage รูปแบบอื่น เนื่องจากสื่อประเภท Best Buy TV จำนวน 4 ชิ้นรวมกัน ข้อจำกัดนี้ทำให้ Coca-Cola คิดว่าต้องลงมือสร้าง digital signage เวอร์ชัน in-house ของตัวเอง

เทคโนโลยีของ Google ที่ถูกดึงมาใช้นั้นมีทั้ง Chromebits ซึ่งเป็นชิ้นส่วนฮาร์ดแวร์ที่ทำให้หน้าจอสามารถเชื่อมต่อและมีพลังประมวลผลได้ดี ยังมีซอฟต์แวร์แสดงโฆษณา DoubleClick และบริการคลาวด์ Google Cloud Platform ซึ่งครอบคลุมทั้งงานปัญญาประดิษฐ์หรือ machine learning และงานวิเคราะห์ซึ่งทำให้ digital signage เวอร์ชัน in-house ของ Coca-Cola สามารถลดต้นทุนได้ในระยะยาว

ไม่แน่ ในอนาคตอาจมีข่าวแบรนด์อื่นหันมาพัฒนา digital signage ของตัวเองมากขึ้น โดยเฉพาะแบรนด์ที่ต้องแบกรับค่าใช้จ่ายของระบบ digital signage หลายสตางค์ต่อปี

ที่มา: MarketingDive