Site icon Thumbsup

หมดยุคลูกค้าคือพระเจ้า เพราะลูกค้าคือ “แฟน” ของเราต่างหาก

คำว่าลูกค้าคือพระเจ้าเป็นประโยคเบสิคที่ทุกคนไม่ว่าสายอาชีพไหนก็ต้องได้ยินตลอด ทำให้นักการตลาดทำกลยุทธิ์ผลิตสินค้าเพื่อที่จะเอาใจพระเจ้าคนนี้ให้มากที่สุด แต่เคยได้ยินไหมคะ ว่าคนเรามักปฏิบัติกับคนรอบตัวต่างกันเมื่อต่างสถานะ ฉะนั้นบทความนี้ จะให้คุณเปลี่ยน Mindset ในการมองลูกค้าเป็นคนรักแทน แล้วคุณจะพบว่าพลังในการคิดกลยุทธ์ของคุณจะยิ่งใหญ่มากกว่าเดิมอีกหลายเท่าตัว

 

ลูกค้าคือแฟนที่น่ารักของเรา

หากนักการตลาดมัวแต่คิดว่าจะใช้กลยุทธ์อะไรใช้ Key message แบบไหนให้ลูกค้ามองแบรนด์เราเป็น  Top of Mind ในใจ เมื่อถึงจังหวะหนึ่งก็คงต้องเจอปัญหาทางตันกันบ้าง แต่หากลองเปลี่ยนความคิดวาลูกค้าคือ “พระเจ้า” เป็น “แฟนของเราเอง”

เราจะสื่อสารกับเค้าแบบไหน เคยมีการทดลองปลุกระดมใจสำหรับพนักงานออฟฟิศที่กำลังไร้เรี่ยวแรงว่า อย่าไปคิดว่าเรากำลังทำงานให้หัวหน้า แต่คิดว่าทำให้แฟน แล้วเราจะทำงานได้ดีขึ้น เพราะเรารักแฟนจริงๆ ก็เหมือนกับนักการตลาด การจะมองว่าลูกค้าคือใคร เป็นคนแบบไหน บางทีมันก็แค่กลุ่มก้อนหน่ึง

แต่หากเรามองว่าลูกคือค้าแฟน เราจะรู้สึกพิเศษกับคนนี้จริงๆ พยายามหาสิ่งที่ดีที่สุดให้เค้า เวลาเค้าเปลี่ยนอะไรไป คุณจะคิดเป็นร้อยๆ ครั้งในหัวว่าเกิดอะไรขึ้น จริงๆ วิธีนี้เหมือนยังเพิ่มความมุ่งมั่นกับการคิดกลุยทธ์เพิ่มอีกนะ

 

เป็นแฟนก็ต้องเข้าใจกัน

อย่างที่บอกไปว่าเมื่อเรามองว่าลูกค้าคือแฟน การพยายามคิดและหาสิ่งทีดีที่สุดของเราจะเพิ่มขึ้นแบบทันตา ซึ่งอุปสรรคแรกๆ ที่นักการตลาดเจอคือ การค้นหา Insight เพราะต้อง research กันอย่างหนักหน่วง เพื่อคิดสินค้ามาตอบโจทย์ให้มากที่สุด แต่ถ้าเราคิดว่านี่คือคัมภีร์เข้าใจแฟนของคุณ หรือพยายามจีบใครสักคน คุณจะมีความมุ่งมั่นที่จะค้นหามากขึ้นอีกหลายเท่า  

หรือถ้าสมมติว่าแบรนด์เกิดปัญหาทะเลาะหนัก ลองมองว่านี่คือการทะเลาะหนักกับแฟน ที่ทำให้เราเข้าใจกันมากขึ้นสิคะ อะไรคือปัญหา และปัญหาเกิดจากอะไร มีวิธีแก้ไขยังไง ใช้วิธีไหนดีที่สุด รับรองว่าเราจะพาแบรนด์ฝ่าวิกฤติไปได้แน่ๆ

 

วันเกิดแฟนก็ต้องมีเซอร์ไพรซ์

มาดูที่กิจกรรมการตลาดปัญหาที่หน้าบ้านดูสดใส แต่หลังบ้านคือเดือดสุดๆ ตอนนี้การจะจัดสักแคมเปญไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่คนอื่นมองเลย ซึ่งตอนนี้แคมเปญแจกรางวัลต่างๆ ก็เริ่มกลับมาบูมอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ใหญ่อย่าง น้ำดื่มตรา สิงห์ โออิชิ เพื่อกระตุ้นยอดขายและสร้าง Consumer Loyalty

ทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้น ก็คล้ายกับการเปลี่ยน mindset ในการมองลูกค้าว่าคือพระเจ้า เพราะตอนนี้คำนี้มันไม่ได้อินเข้าไปในหัวใจของนักการตลาดหลายๆ คนแล้ว ลองเปลี่ยนวิธีคิดมาเป็นการทุ่มเทให้แฟนของคุณดู แค่คิดว่าเรากำลังจะทำบางสิ่งที่สำคัญให้แฟน ความพยายามที่จะทำก็พลุ่งพล่านขึ้นในตัวแล้ว

 

วิธีนี้ไม่ใช่แค่นักการตลาดเท่านั้นนะคะ สายอาชีพไหนก็สามารถไปประยุกต์ใช้ได้ ถ้าในญี่ปุ่นก็เหมือนกับมองลูกค้าเป็นคนในครอบครัว แต่ถ้าเป็นแบบนั้น อาจจะเข้าใจยากเกินไปสักนิด ลองเปลี่ยนมาเป็นแฟนรับรองเห็นผลกว่าเยอะ ลองนำวิธีเหล่านี้ไปทำตามดูนะคะ ใครได้ผลยังไงคอมเมนต์บอกกันได้เลย