Site icon Thumbsup

เราควรเริ่มทำดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งอย่างไรให้ยั่งยืน

การทำตลาดยุคใหม่แบบสร้างสรรค์ด้วยนวัตกรรมนั้น นอกจากไอเดียของนักการตลาดแล้ว ยังประกอบไปด้วยเครื่องมือท่ีน่าสนใจ เพราะหลายงานเกิดขึ้นได้จากมันสมองแต่ก็ต้องมีเครื่องมือที่พร้อมถึงจะช่วยให้เดินหน้ากลยุทธ์ผ่านเครื่องมือต่างๆ ได้อย่างราบรื่น โดย ปณต กาญจนศูนย์ หัวหน้าแผนการตลาดและดิจิทัลโซลูชั่น กลุ่มบริษัท G-Able จะมาแชร์เรื่องนี้ให้ฟังกันค่ะ

ด้วยไอเดียของนักการตลาดที่ต้องการจะทำให้โดนใจลูกค้าและผู้บริโภค ทำให้การทำตลาดหลายอย่างบรรเจิดจนเกินพอดี ซึ่ง คุณปณต แนะนำว่า การทำการตลาดแบบ Principle ดีที่สุด เพราะเรียบง่ายและคุ้นเคย หากเปรียบเทียบแบรนด์กับสตาร์ทอัพที่มีต้นทุนมาต่างกัน เพราะสตาร์ทอัพจะเร่ิมต้นเดินกลยุทธ์ด้วยดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งเลย เพราะต้นทุนทางธุรกิจของเขาคือนักลงทุน ถ้า Pitch สำเร็จได้เงินก้อนมาสามารถลงมือทำและปรับตามความเหมาะสมของตลาดได้ทันที ในขณะที่นักการตลาดที่ดูแลแบรนด์ขนาดใหญ่จะต้องผ่านขั้นตอนมากมาย อาจช้าว่ากระแสหลายอย่างและทำได้ไม่ราบรื่นนัก ซึ่งการวางกลยุทธ์การตลาดควรที่จะวัดผลได้และปรับเปลี่ยนได้ เมื่อเกิดปัญหา

นอกจากนี้ อยากให้นักการตลาดคิดให้ดีว่า ทุกวันนี้ทำโฆษณาเพื่ออะไร เพื่อให้ผู้บริโภคซื้อและเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ของเราหรือเปล่า แล้วสิ่งที่ลูกค้าจะเห็นตรงกับสิ่งที่เราสื่อออกไปหรือเปล่า บางทีงานโฆษณาที่ทำออกมาอาจจะไม่ว้าวมาก แต่ Cool และตรงประเด็นกับสิ่งที่ลูกค้าสนใจ ซึ่งสิ่งนี้จะช่วยให้เข้าถึงลูกค้าและสร้างการจดจำได้ดีกว่ากระแสฉาบฉวย

 

แม้ว่าการทำตลาดแบบ Paid media จะเป็นยาแรงให้คนรู้จักหรือใช้ Viral จุดกระแสให้คนรู้จักแบรนด์ของคุณ แต่ก็แน่นอนว่าเม็ดเงินที่ต้องใช้ลงทุนนั้นสูงและกระแสเกิดได้แบบฉาบฉวย ดังนั้น จึงควรสร้างเนื้อหาอย่างระวังและอยู่ได้นานจนคนประทับใจดีกว่า ซึ่งปัจจุบันคนที่พิจารณางบด้านไอทีกลายเป็นฝ่ายการตลาดไปแล้ว ทำให้การตลาดต้องศึกษาและทราบข้อมูลเกี่ยวกับเครื่องมือและเทคโนโลยีใหม่ๆ ไว้ด้วย

อย่างไรก็ตาม คุณปณต มองว่าภาพอนาคตของดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงจากเดิมมากนัก อยู่ที่ตัวนักการตลาดเองว่าจะปรับตัวให้รู้จักและใช้เทคโนโลยีได้มากน้อยแค่ไหน ผ่าน 5 ข้อ ดังนี้

  1. มีเครื่องมือที่มีความสามารถในการวัดผลความสำเร็จได้ดีแค่ไหน (Measurable)
  2. ทำระบบสื่อสารแบบอัตโนมัติ (Automateable) เพื่อลดภาระด้านงานบริการ
  3. สเกลโดยไม่ต้องใช้คนเยอะ (Scarable)
  4. วางแผนปรับเปลี่ยนได้แบบเรียลไทม์ (Realtime)
  5. สร้างผลกระทบที่เกิดจากการทำการตลาดไม่ใช่ใช้เงินอัดฉีดอย่างเดียว (Actionable)

หากนักการตลาดสามารถตอบคำถาม 5 ข้อนี้ ก่อนลงมือทำการตลาดใดๆ ก็น่าจะช่วยให้เดินหน้าได้อย่างมั่นคงและลูกค้าเองก็เชื่อมั่นในแบรนด์ของคุณ ลดความกังวลว่าจะไม่ประสบความสำเร็จในการทำตลาดลงได้