Site icon Thumbsup

eBay โชว์กระจกลองเสื้ออัจฉริยะเพื่อกระตุ้นยอด PayPal

img_1376

eBay ร่วมมือกับร้านเสื้อผ้าแฟชั่นในนิวยอร์ก เปิดตัวห้องลองเสื้อสไตล์ใหม่ที่มาพร้อมกระจกอัจฉริยะ งานนี้ eBay หวังเชื่อมโลกการซื้อขายสินค้าบนโลกดิจิทัลและร้านค้าปลีกเข้าด้วยกัน แถมยังมองไกลกระตุ้นยอดใช้จ่ายบน PayPal ชนิดยิงนกนัดเดียวได้ 2 ตัว

ห้องลองเสื้อสไตล์ใหม่ของ eBay นี้เปิดให้บริการแล้วที่ร้าน Greene Street ในย่าน Soho ของนิวยอร์ก จุดเด่นคือการติดตั้งกระจกไฮเทคกึ่งคอมพิวเตอร์ที่สามารถวิเคราะห์เสื้อที่ผู้ใช้สวมใส่หรือเลือกซื้อ เพื่อแนะนำกางเกงหรือเสื้อนอกที่เข้าชุดกัน คำแนะนำเหล่านี้จะถูกส่งต่อให้พนักงานร้าน ซึ่งจะเป็นผู้ประสานงานในการติดตามสีและขนาดสินค้าที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า

รายงานระบุว่า eBay พัฒนาระบบกระจกอัจฉริยะนี้ร่วมกับแบรนด์ Rebecca Minkoff ซึ่งทำให้ระบบสามารถวิเคราะห์และดำเนินการโดยอิงกับโลกแฟชั่นได้อย่างจริงจัง อย่างไรก็ตาม ความน่าสนใจของกระจกนี้ไม่ได้อยู่ที่ความสามารถด้านแฟชั่นเท่านั้น แต่อยู่ที่การตัดสินใจของ eBay ที่กำหนดให้ลูกค้าจ่ายเงินผ่านแพลตฟอร์ม PayPal ได้สะดวกหากต้องการซื้อสินค้าที่ระบบนี้แนะนำ

ลูกค้าผู้ที่มีแอปพลิเคชัน PayPal ในโทรศัพท์มือถือตัวเองอยู่แล้วจะสามารถเช็คอินหรือกรอกข้อมูลเวลาที่เข้าสู่ร้านได้ โดยเมื่อพร้อมชำระเงิน ก็สามารถแตะปุ่มบนกระจกได้ทันที ซึ่งพนักงานขายจะเดินมาที่ห้องลองเสื้อ ก่อนจะนำสินค้าที่บรรจุหีบห่อแล้วมาส่งให้ และรอส่งลูกค้าออกจากร้าน

อย่างไรก็ตาม หากลูกค้าไม่มีบัญชี PayPal ลูกค้าจะต้องเดินไปติดต่อพนักงานขายเพื่อชำระเงินผ่านบัตรเครดิตที่จุดชำระเงิน

ทั้งหมดนี้สามารถตีความได้ว่า eBay ต้องการให้ลูกค้าผู้มีแอปพลิเคชัน PayPal ได้รับประสบการณ์ซื้อสินค้าแบบดิจิตอลบนร้านค้าปลีกแบบไร้รอยต่อหรือ seamless ประสบการณ์นี้จะช่วยเพิ่มโอกาสให้ PayPal สามารถมีที่ยืนในตลาดร้านค้าปลีก ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าตลาดอีคอมเมิร์ซมากกว่า 10 เท่าตัว

การเปรียบเทียบขนาดตลาดร้านค้าปลีกและอีคอมเมิร์ซนั้นมาจากคำพูดของ Healey Cypher ประธานฝ่ายนวัตกรรมค้าปลีกของ eBay ซึ่งสะท้อนว่า eBay มองเห็นโอกาสยิ่งใหญ่ที่ยังไม่มีใครจับต้องได้ในขณะนี้ โดยเฉพาะตลาดห้องลองเสื้ออัจฉริยะซึ่งหลายแบรนด์พยายามสร้างสรรค์แต่ก็ยังไม่สำเร็จ ตัวอย่างเช่น แบรนด์ Prada ที่สูญเงินไปหลายล้านเหรียญเพื่อสร้างร้านดิจิตอลตั้งแต่ช่วงปี 2000

ที่มา : VentureBeat