Site icon Thumbsup

Facebook เริ่มให้ค่ากับ Online Publisher มากขึ้นด้วยฟีเจอร์ “Stories to Share”

mark zuckerberg

จริงๆ ข่าวนี้ออกมาตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคม แต่ผมไม่ค่อยเห็นใครแปลภาษาไทยไว้ เลยขออัพเดตย้อนหลังสักนิดครับ นั่นก็คือประเด็นที่ว่า Facebook เริ่มให้ค่ากับ Online Publisher มากขึ้นด้วยฟีเจอร์ใหม่ที่ชื่อว่า “Stories to share”

การที่คนเข้ามาใช้ Facebook ทุกวี่ทุกวันไม่ใช่เพราะเข้ามาดูว่าเพื่อนคุยอะไรกันบ้าง แต่เข้ามาอ่านข่าวสารและความเป็นไปในโลกด้วย ด้วยเหตุผลนี้ทาง Facebook เลยร่วมมือกับบริษัทด้านสื่อสารมวลชนต่างๆ ตั้งแต่สถานีโทรทัศน์ บริษัท startup ด้านดนตรี ไปจนถึงผู้ตีพิมพ์เนื้อหาต่างๆ เพื่อที่จะเพิ่มแทรฟฟิคให้กับเว็บไซต์ของบริษัทสื่อเหล่านี้

และจากการที่ Facebook ได้ทดลองทำงานร่วมกับบริษัทสื่อเหล่านี้ก็พบว่าแทรฟฟิคโดยเฉลี่ยของเว็บไซต์เหล่านี้มาจาก Facebook เพิ่มจากเดือนกันยายนปีที่แล้วถึงกันยายนปีนี้ถึง 170%  อย่างเว็บไซต์ของ TIME ก็มีแทรฟฟิคเพิ่มจาก Facebook 208% BuzzFeed เพิ่ม 855% ว่าแต่ แล้วไง? สิ่งที่ Facebook ออกมาบอกกับหลายๆ คนก็คือ ใครที่ทำบริษัทสื่อ ให้ลองเพิ่มจำนวนความถี่ในการโพสต์เนื้อหาที่มีคุณภาพมากขึ้น ก็จะได้แทรฟฟิคเพิ่มขึ้น โดยทาง Facebook ได้ทดลองกับเว็บไซต์บริษัทสื่อกว่า 29 แห่งก็พบว่ามีแทรฟฟิคเพิ่มขึ้นถึง 80% โดยเฉลี่ย แถมจำนวน Like ต่อโพสต์ก็สูงขึ้นอีกราว 10% จำนวนแฟนก็ขึ้นอีก 49%

ทาง Facebook ระบุว่านี่เป็นการทดลอง และไม่ใช่ว่าเพจ Facebook ทุกประเภทจะทำได้แบบนี้ แต่เหมาะกับเว็บไซต์ของสื่อมวลชน หรือคนทำ media เป็นหลัก แต่ถามว่าทาง Facebook มีระบุไหมว่าต้องโพสต์กี่ครั้งต่อวัน อันนี้ก็ไม่มีคำตอบเพราะทุกๆ คนมีความชื่นชอบเพจที่เกี่ยวกับสื่อแต่ละเพจไม่เท่ากัน ดังนั้นจึงไม่มีสูตรสำเร็จตายตัวว่าจะต้องโพสต์สักกี่ครั้ง แต่คนที่เป็นแอดมินของเพจควรจะโพสต์เพิ่มขึ้นเพื่อตรวจสอบดูว่ามีจำนวน Like และ Engagement เพิ่มมากขึ้นเพียงไร

ซึ่งทั้งหมดที่เล่ามานี้เป็นที่่มาของฟีเจอร์ใหม่ที่ชื่อว่า “Stories to Share.” เป็นฟีเจอร์ใหม่ที่จะบอกเว็บไซต์แนว media ต่างๆ ให้รู้ว่าโพสต์ที่ Facebook แนะนำนั้นๆ น่าจะนำมาโพสต์บน Facebook ก็จะได้ผลตอบรับที่ดี ยกตัวอย่าง เว็บไซต์ของ TIME จะเห็นคำแนะนำ stories ทางขวาตามที่เห็นในรูปว่าน่าจะเอาบทความที่อยู่ใน TIME.com (ที่ยังไม่ได้โพสต์ลง Facebook) มาโพสต์

ทั้งนี้ทั้งนั้น Facebook ก็บอกว่านี่เป็นเพียงการทดลอง แต่ก็นับว่าเป็นสัญญาณที่ดีของวงการ Publisher ว่าแล้วก็กลับไปดูใน Insight กันนะครับว่าเปรียบเทียบกับเดือนที่ผ่านๆ มาแล้วคุณมีแทรฟฟิคจาก Facebook เปลี่ยนแปลงไปแค่ไหนอย่างไร (ถ้าหากเพจของคุณเป็นด้าน media)

ที่มา: Facebook