Site icon Thumbsup

Facebook ปรับระบบซื้อโฆษณาให้โปร่งใสมากขึ้น

ก่อนหน้านี้นักการตลาดจำนวนไม่น้อยรู้สึกสงสัยในการวัดผลของแพลตฟอร์มออนไลน์ หลายคนมีความรู้สึกว่าการจ่ายเงินซื้อโฆษณาบนแพลตฟอร์มออนไลน์นั้นเป็นการลงทุนที่วัดผลบนระบบที่ไม่โปร่งใส เพื่อแก้ไขปัญหานี้ Facebook ลงมือปรับระบบให้การติดตามรายงานทำได้ง่ายและมีการเปิดเผยข้อมูลเชิงลึกที่โปร่งใสมากขึ้นกว่าเดิม

Facebook ประกาศในโพสต์บล็อกว่ากำลังเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ซึ่งจะคลุมทั้งบริการโฆษณาแบบวิดีโอ in-stream video, บทความ Instant Articles และเครือข่าย audience network จุดนี้ Facebook ระบุว่าจะเปิดเผยรายชื่อผู้จัดพิมพ์หรือ publisher lists และรายงานการแสดงโฆษณาหรือ publisher delivery reports ซึ่งจะทำให้ทุกคนได้เห็นว่ามีใครที่ลงโฆษณากับ Facebook บ้าง

เพิ่มความมั่นใจให้นักการตลาด

การเปิดเผยรายชื่อผู้เผยแพร่โฆษณาทั้งหมดที่สร้างรายได้เข้าเว็บไซต์และแอปพลิเคชันของตัวเอง จะช่วยให้ผู้ลงโฆษณาสามารถดูว่าโฆษณาของแต่ละคนจะถูกส่งไปที่ใดก่อนที่จะเริ่มแคมเปญ ผู้ลงโฆษณายังสามารถดูรายชื่อเว็บไซต์ publisher ผู้เผยแพร่โฆษณาที่โฆษณาของตนปรากฏ ด้วยการดาวน์โหลดรายงานการจัดส่งของผู้เผยแพร่โฆษณา (publisher delivery reports)

นอกจากนี้ Facebook ยังประกาศ (ในโพสต์ที่แยกกัน) ว่ากำลังเปลี่ยนชื่อรูปแบบโฆษณา Canvas มาเป็น “Instant Experience” ซึ่งจะมีการเพิ่มความสามารถใหม่หลายจุด หนึ่งในนั้นคือเทมเพลตใหม่ Instant Forms ซึ่งจะช่วยให้ผู้คนสามารถแบ่งปันข้อมูลการติดต่อกับธุรกิจได้ง่ายขึ้น

จำนวนแคมเปญที่รันบน Instant Experience พบว่าเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวในปีที่ผ่านมา และเพิ่มขึ้นถึง 15 เท่าเมื่อเทียบกับไซต์บนอุปกรณ์เคลื่อนที่มาตรฐานทั่วไป

สำหรับบริการ Facebook Pixel ระบบ Tracking ของ Facebook ที่ใช้ติดตั้งบนเว็บไซต์ของแบรนด์เพื่อติดตามพฤติกรรมการใช้งานของผู้เยี่ยมชม เพื่อนำข้อมูลที่ได้ไปกำหนดกลุ่มเป้าหมายการโฆษณาในแบบที่ละเอียดมากขึ้นนั้น Facebook ยังยืนยันว่าจะช่วยให้ผู้ลงโฆษณารวม Facebook Pixel เข้ากับระบบอื่นหรือ third-party pixel เพื่อใช้กับแคมเปญ Instant Experience ได้ด้วย

ผลคือ Pixel จะถูกเพิ่มลงไปใน Instant Experience แบบอัตโนมัติทันทีเพื่อให้เจ้าของเว็บไซต์สามารถใช้เป็นเครื่องมือให้ผู้ชมมีส่วนร่วมกับลูกค้าที่ร่วมแคมเปญอีกครั้ง จุดนี้นักโฆษณายังสามารถฝังพิกเซลของบุคคลที่สามหรือ third-party pixel เพื่อติดตามการมีส่วนร่วม และเปรียบเทียบประสิทธิภาพของแคมเปญได้ดีขึ้นด้วย

ที่มา: : MarketingDive