Site icon Thumbsup

วิเคราะห์ฟุตบอลโลก 2018 จากคลังข้อมูลของ FIFA ที่ทุ่มงบกว่า 8,000 ล้าน

ในช่วงการแข่งขันที่สำคัญ ย่อมมีข้อมูลจำนวนมหาศาลที่สามารถนำมาวิเคราะห์และประมวลผล หากบริษัทและนักวิเคราะห์ รวบรวมและใช้ข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก็จะก่อให้เกิดประโยชน์อย่างมาก ปกติแล้ว กูเกิล (Google) จะมีทีมงานที่ทำหน้าที่จัดหาข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการแข่งขันฟุตบอลโลก โดยใช้ประโยชน์จากข้อมูลการค้นหาแบบเรียลไทม์ เพื่อนำเสนอข้อเท็จจริงและภาพต่างๆ ให้แก่ผู้ใช้ โดย NetApp ได้วิเคราะห์มาให้อ่านดังนี้ค่ะ

ช่วงเดือนมิถุนายนถึงกรกฎาคม 2561 มีการถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลกทั้งหมด 64 คู่ให้แก่ผู้ชมทั่วโลกราว 3,200 ล้านคน โดยฟีฟ่า (FIFA) ใช้เงินลงทุนมากถึง 241 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 8,000 ล้านบาท เพื่อให้แน่ใจว่าผู้ชมทั่วโลกจะมีโอกาสได้รับชมภาพการแข่งขันในครั้งนี้

ยิ่งไปกว่านั้น การแข่งขันครั้งนี้ยังทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในแง่ของการโฆษณาทั่วโลก โดยองค์กรธุรกิจและแบรนด์ต่างๆ ทุ่มงบโฆษณาสูงถึง 2,400 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 80,000 ล้านบาท ด้วยเงินลงทุนจำนวนมาก ความตื่นเต้น และการมีส่วนร่วมอย่างกว้างขวางของผู้คนทั่วโลกในการแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งนี้ จึงมีข้อมูลมากมายมหาศาลที่สามารถนำมาวิเคราะห์ประมวลผลและใช้ประโยชน์ได้อย่างเป็นรูปธรรม

ระบบวิเคราะห์ข้อมูล หรือ Big Data Analytics จะมีบทบาทอย่างไร ในการกลั่นกรองข้อมูล ให้กลายเป็นข้อมูลเชิงลึกที่ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ทุกฝ่าย ทาง NetApp ได้ระบุแนวทางที่สำคัญ 3 ข้อดังต่อไปนี้ มาดูกันค่ะ

การปรับปรุงประสิทธิภาพของนักเตะโดยอาศัยการเรียนรู้จากข้อมูล

การใช้ระบบวิเคราะห์ข้อมูลบิ๊กดาต้าจะช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพของนักฟุตบอลที่เข้าร่วมการแข่งขันได้อย่างง่ายดาย  ย้อนกลับไปเมื่อปี 2557 ทีมฟุตบอลของเยอรมนีได้ร่วมมือกับเอสเอพี (SAP) เพื่อพัฒนาฐานข้อมูลขนาดใหญ่ที่ประกอบด้วยข้อมูลเชิงลึกจากการแข่งขันในแมตช์ต่างๆ ซึ่งช่วยในการฝึกซ้อมนักฟุตบอลทีมชาติ และส่งผลให้ทีมชาติเยอรมนีครองถ้วยแชมป์ฟุตบอลโลกในปี 2557!

สี่ปีต่อมา เยอรมนียังคงใช้ประโยชน์จากข้อมูลบิ๊กดาต้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อปรับปรุงการฝึกซ้อม ด้วยความหวังว่าจะสามารถคว้าตำแหน่งแชมป์ฟุตบอลโลกสมัยที่ 5 ได้สำเร็จ แต่น่าเสียดายที่ครั้งนี้พวกเขาไปไม่ถึงฝั่งฝัน อย่างไรก็ดี มีทีมใหม่ๆ หลายทีมที่ทำผลงานได้ดีเกินคาดในการแข่งขันครั้งนี้ ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่เราได้รับรู้ว่าทีมอื่นๆ ก็ใช้ประโยชน์จากการวิเคราะห์ข้อมูลบิ๊กดาต้าเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเล่นให้กับทีมของตนเองเช่นกัน

ข้อมูลเชิงลึกแบบเรียลไทม์เกี่ยวกับสื่อช่วยดึงดูดผู้ชมเพิ่มมากขึ้น

สิ่งที่น่าสนใจก็คือ นอกจากทีมฟุตบอลที่ใช้ประโยชน์จากระบบวิเคราะห์ข้อมูลแล้ว สื่อแขนงต่างๆ ก็ได้รับประโยชน์เช่นกัน  โดยปกติแล้ว 24 ชั่วโมงก่อนเริ่มการแข่งขันขึ้น สื่อมวลชนจะได้รับทราบข้อมูลเชิงลึกในด้านต่างๆ เกี่ยวกับทีมที่จะเข้าแข่งขัน เช่น ประวัติการเจอกันมาก่อน ผู้เล่นที่มีผลงานโดดเด่น และการจัดอันดับ เป็นต้น

ข้อมูลเชิงลึกจำนวนมากนี้มีประโยชน์ต่อสื่อ เพราะจะช่วยให้สามารถรายงานข่าวได้อย่างน่าสนใจตลอดช่วงการแข่งขัน เช่น อาจมีการวิเคราะห์ประมวลผลข้อมูลเพื่อสร้างกระแสและกระตุ้นความสนใจ  นอกจากนี้ นักวิเคราะห์อาจทำนายผลการแข่งขันในรูปแบบอินเทอร์แอคทีฟผ่านช่องทางออนไลน์ของสื่อเอง ขณะที่สื่อแขนงต่างๆ จะได้รับข้อมูลเรียลไทม์อย่างต่อเนื่อง และสามารถจัดเตรียมเนื้อหาการวิจารณ์รูปแบบการเล่นของแต่ละทีมสำหรับช่วงพักครึ่งเวลา รวมถึงก่อนและหลังการแข่งขันแต่ละคู่

การวิเคราะห์ข้อมูลการเล่นในอดีตและปัจจุบันเพื่อทำนายผลการแข่งขันอย่างแม่นยำ

นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ยังได้เริ่มต้นตรวจสอบว่า ทีมชาติแต่ละทีมมีผลงานเป็นอย่างไรในการแข่งขันฟุตบอลโลกและทัวร์นาเมนต์อื่นๆ  ที่จริงแล้ว การจัดอันดับทีมต่างๆ โดยใช้ระบบ ELO Rating แบบใหม่ช่วยให้นักวิเคราะห์สามารถสร้างรูปแบบการคาดการณ์ที่ระบุได้เกือบจะแม่นยำว่า ใครจะเป็นแชมป์ฟุตบอลโลกในครั้งนี้! 

นอกเหนือจากการทำนายว่าทีมใดจะเป็นแชมป์ฟุตบอลโลกแล้ว ระบบวิเคราะห์ข้อมูลยังสามารถคาดการณ์ได้ว่าทีมใดจะผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายได้อีกด้วย  รูปแบบการคาดการณ์นี้ถูกใช้งานเป็นครั้งแรกในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเมื่อปี 2555 โดยนักวิเคราะห์จาก Goldman Sachs ทำนายจำนวนเหรียญรางวัลที่อังกฤษซึ่งเป็นประเทศเจ้าภาพจะได้รับ และผลปรากฏว่าคำทำนายดังกล่าวมีความแม่นยำสูงถึง 95% เลย

ข้อมูลจาก EU ระบุว่า ธุรกิจในส่วนของบิ๊กดาต้ามีการเติบโต 40% ต่อปี เร็วกว่า 7 เท่าเมื่อเทียบกับธุรกิจอื่นๆ ในอุตสาหกรรม ICT  ตลาดเทคโนโลยีและบริการด้านบิ๊กดาต้าทั่วโลกมีมูลค่า 21.19 พันล้านดอลลาร์หรือประมาณ 704 พันล้านบาท ในปี 2560 และคาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง แตะ 77.58 พันล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 2,578 พันล้านบาท ภายในปี 2566 ด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ย 24.15% ต่อปี

ดังนั้น องค์กรต่างๆ ในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน ควรจะเริ่มต้นใช้ข้อมูลบิ๊กดาต้าให้เกิดประโยชน์อย่างเต็มศักยภาพ เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตได้ด้วย