Site icon Thumbsup

Google ขานรับ เลิกดันลิงก์ Google+ ในหน้าผลเสิร์ช

ผู้บริหาร Google ยืนยันแล้วว่าบริษัทได้พบ “พื้นที่ที่ดีกว่า” ในการแสดงลิงก์ Google+ เป็นผลการค้นหา หลังจากที่ยักษ์ใหญ่เครือข่ายสังคมทั้ง Twitter, Facebook และ Myspace พร้อมใจออกมาต่อต้านว่า Google พยายามประชาสัมพันธ์เครือข่ายสังคมตัวเองอย่างไม่ยุติธรรม

Facebook, Twitter และ Myspace นั้นเคยควงแขนกันวิจารณ์การเปิดบริการ ?Search Plus Your World? ของ Google ตั้งแต่ต้นปี อัด Search Engine ยักษ์ใหญ่ว่าทำผิดคติ “don’t be evil” โดยจัดการเปลี่ยนแปลงระบบใน Google.com ให้แสดงผลการค้นหาชุดใหม่ที่จะประชาสัมพันธ์บริการ Google+ มากขึ้น ซึ่งไม่เพียงเป็นการปิดกั้นไม่ให้ผู้ใช้ได้รับข้อมูลที่ดีกว่าซึ่งอยู่ในเครือข่ายสังคมอื่น แต่ยังเป็นการพยายามประชาสัมพันธ์บริการใหม่ของ Google อย่างไม่เป็นธรรม

ล่าสุดสำนัก Telegraph ได้สัมภาษณ์ Amit Singhal หัวเรือใหญ่ด้านธุรกิจค้นหาข้อมูลของ Google โดยผู้บริหาร Google ยืนยันว่าผลการค้นหาที่เกี่ยวกับ Google+ นั้นได้ข้อสรุปด้านพื้นที่แสดงผลใหม่ “ที่ดีกว่าพื้นที่แรกที่เปิดตัวบริการ” โดยกล่าวถึงความผิดพลาดที่เกิดขึ้นว่าเป็นไปตามขั้นตอนการเรียนรู้ ซึ่งเริ่มที่การทดลอง เข้าใจ แล้วจึงปรับปรุง

ไม่แน่ การเปลี่ยนใจของ Google อาจเกิดขึ้นเพราะการตรวจสอบของหน่วยงานป้องกันการผูกขาดการค้าของสหภาพยุโรป ซึ่งเป็นข่าวว่า Google กำลังอยู่ระหว่างเจรจาเพื่อเคลียร์ตัวเองกับ EU ในขณะนี้

แม้ Google จะยังไม่เปิดเผยอนาคตของ ?Search Plus Your World? อย่างเป็นทางการ แต่การให้สัมภาษณ์ครั้งนี้ก็ถือเป็นความเคลื่อนไหวที่สำคัญมากหลังจาก Facebook, Twitter และ MySpace ได้รวมตัวสร้างโปรแกรมเสริมสำหรับให้ผู้ใช้ที่ไม่ต้องการเป็นเหยื่อของ Google ในการรับข้อมูลจาก Google+ อย่างเดียว โดยโปรแกรมเสริมนี้มีชื่อว่า ?Don?t be evil? เพื่อล้อเลียน Google อย่างเปิดเผย

ทั้งหมดนี้ Twitter พยายามบอกว่าข้อความ Tweet จากสมาชิกมากกว่า 100 ล้านคนที่บอกเล่าเรื่องราวปัจจุบันเป็นประโยคสั้นๆ มากกว่า 250 ล้านข้อความต่อวันนั้นเป็นแหล่งข้อมูลที่มีค่าต่อการแสดงในหน้าผลเสิร์ชอย่างมาก จึงไม่เป็นธรรมหาก Google จะดึงลิงก์ของ Google+ ขึ้นมาแสดงในหน้า Result เป็นหลัก ซึ่ง Google ได้ตอบโต้ข้อกล่าวนี้ไปแล้วว่า Twitter เองต่างหากที่เลือกจะไม่ต่อสัญญา ทำให้ Google ตัดสินใจแสดงผลเสิร์ชของ Google+ เอง

..จะเชื่อใครดีหนอ..

ที่มา: Telegraph