Site icon Thumbsup

Guest Post: เรียนรู้-พบปะ-สังสรรค์ ณ SXSW 2013

tumblr_inline_mk9phaJBIz1qz4rgp
editorial note: บทความนี้คือบทความพิเศษ (ที่เราเรียกว่า Guest Post) จากดังจิตร เชี่ยววัฒนา หนึ่งในคนไทยที่ผ่านประสบการณ์ทำงานกับบริษัทเทคโนโลยีระดับโลกมาหลากหลาย บริษัท (เช่น Yahoo! และ Oracle) รวมทั้งร่วมก่อตั้งบริษัท startup ใน Silicon Valley กับ “กระทิง พูนผล” มาแล้ว ปัจจุบันดังจิตรทำงานให้กับบริษัท startup แห่งหนึ่งในสิงคโปร์ บทความนี้เขาส่งมาให้ กองบรรณาธิการ thumbsup อัพโหลดขึ้นให้ชาว thumbsup โดยเฉพาะ ทว่าสิ่งที่ดังจิตรเขียน ไม่สะท้อนแนวคิดของกองบรรณาธิการ thumbsup เป็นเพียงมุมมองส่วนตัวของเขา ว่าแล้วก็อ่านกันได้โดยพลัน

เรียนรู้ พบปะ สังสรรค์ ณ SXSW 2013

เมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมาผมได้มีโอกาสเดินทางไปเข้าร่วม conference ชื่อดังระดับโลกอย่าง South By South West (SXSW) ที่เมืองออสติน รัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกามาครับ สำหรับหลายๆ คนที่ไม่รู้จักงานนี้ SXSW นั้นเป็นงานรวมผลงานหลากหลายทั้งดนตรี, หนังและเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่จัดขึ้นปีหละครั้ง (ดูรายละเอียดได้ที่ http://sxsw.com ครับ)

ก่อนจะไป เจอคนถามเยอะเหมือนกันว่าไปทำอะไรเหรอ? ตอนนั้นยังไม่มีคำตอบชัดเจนเท่าไหร่ แค่เคยได้ยินว่ามันเป็น conference ที่ startup ดังๆ หลายบริษัทชอบไปเปิดตัว/launch (เช่น twitter และ foursquare) เลยอยากลองไปดู-ไปเห็นสักครั้งหนึ่งในชีวิต หลังจากได้ไปมาด้วยตัวเองแล้วบอกได้เลยว่าได้อะไรมากกว่าที่คิดเยอะมากครับ หากจะให้สรุปประสบการณ์ตลอดอาทิตย์ที่ได้อยู่ที่นั่นคงสรุปได้เป็นคำสามคำว่า ผมได้: เรียนรู้, พบปะ, และ สังสรรค์

เรียนรู้

ไฮไลท์ของการได้มา SXSW สำหรับผมเลย คือการได้ไปเข้าฟังคุณ อีลอน มัสก์ (Elon Musk) ให้สัมภาษณ์สดๆ ก่อนหน้าที่จะได้เข้าไปฟังต้องยอมรับว่าไม่ได้รู้จักเรื่องราวของเขามากเท่าไหร่ รู้แต่ว่าเคยเป็น co-founder ของ PayPal และเป็นเจ้าของบริษัท Tesla หลังจากได้ไปฟังการให้สัมภาษณ์แล้ว บอกได้เลยว่า
อีลอน มัสก์ได้กลายเป็นฮีโร่ในดวงใจคนใหม่ของผมเลยทีเดียว…

สิ่งที่ชื่นชมในตัวคุณอีลอนอย่างแรกเลยคือ เขาเป็นคนที่มีความสามารถและทำอะไรเยอะมาก นอกจากเคยเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้ง PayPal แล้ว ตอนนี้เขาเป็น founder ของบริษัทขนาดใหญ่อีกสองบริษัทคือ Tesla ผู้บุกเบิกวงการรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า และ SpaceX บริษัทเอกชนแรกๆ ที่จะพาคนธรรมดาอย่างเราๆ ไปอวกาศ และยังเป็นกรรมการบริษัทของบริษัทพลังงานแสงอาทิตย์ชั้นนำอย่าง Solar City อีกด้วย

นอกเหนือจากปริมาณงานที่ยากจะจินตนาการได้แล้ว สิ่งที่ทำให้ผมทึ่งในตัวเขาสุดๆคือ ความกล้าและความมุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหาที่ทั้งใหญ่และซับซ้อนทั้งๆ ที่เขาไม่ได้จำเป็นที่จะต้องเอาเงินส่วนตัวที่มีทั้งหมดเข้าไปเสี่ยง ในตอนสัมภาษณ์อีลอนกล่าวว่า เขาอยากที่จะผลักดันการเดินทางไปอวกาศเพราะเกรงว่ามนุษยชาติจะหยุดอยู่แค่นี้และไม่มีการพัฒนาและแสวงหาต่อ เขาเห็นว่ามันเป็นสิ่งจำเป็นที่เราจะต้องพยายามพัฒนาค้นหาอะไรใหม่ๆ ต่อไป

ฟังแล้วทำให้ต้องหันกลับมามองตัวเองและเป้าหมายที่ตัวเราคิดอยากทำ ก็รู้สึกได้เลยว่าต้องฮึดสู้พยายามทำอะไรเพื่อผลักดันตัวเองให้มากขึ้นกว่านี้ ต้องกล้าเผชิญปัญหามากกว่าที่เคย และพยายามที่จะแก้ปัญหาที่ส่งผลกระทบกับคนในวงกว้างให้มากกว่านี้

นอกจากคุณอีลอนแล้ว งาน SXSW ก็ยังมี ผู้มาพูดในงานคุณภาพระดับโลก และหัวข้อที่น่าสนใจอีกมากครับ เช่น:

– งานเปิดตัว API สำหรับ Google Glass, ตัว demo เจ๋งดีครับ แต่ API ที่เปิดตัวมาดูยังทำอะไรได้ไม่เยอะเท่าที่ควร

– คุณ Tina Roth Eisenberg, เป็น designer ชื่อดังที่มาพูดเกี่ยวกับ ข้อคิดในการทำงานของเธอ หนึ่งในข้อคิดที่เธอฝากไว้คือ “If an opportunity scares you, take it” หรือแปลเป็นไทยว่า “ถ้าได้รับโอกาสให้ทำในสิ่งที่ท้าทายจนน่ากลัว ให้กัดฟันสู้ทำมันซะ”

– สัมภาษณ์สดคู่หู founder ของ Leap motion เทคโนโลยี sensor จับความเคลื่อนไหวที่กำลังมาแรง เอาตัว sensor มาโชว์ในงานและกล่าวถึงแรงบันดาลใจในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช่แค่เท่ แต่ต้องดีกว่า solution ปัจจุบันอย่างก้าวกระโดด

– Al Gore มาพูดเกี่ยวกับหนังสือเล่มใหม่ของเขา “Six Driver of global change” หกสิ่งที่จะเปลี่ยนโลกของเรา (หนึ่งในนั้นก็ยังเกี่ยวกับ climate change ตามคาด)

พบปะ

ส่วนสำคัญอีกส่วนหนึ่งของงาน SXSW นอกจาก speaker ชื่อดังระดับโลกแล้ว ก็คือการได้พบปะและเรียนรู้จากคนที่มาร่วมงานนั่นเอง ปกติตัวผมไม่ค่อยได้มีโอกาสไป conference กะเขาและ network ไม่ค่อยเก่ง มางานนี้ก็เลยต้องพยายามบังคับตัวเองให้เป็นคนเจ๊าะแจ๊ะนิดนึง เคล็ดลับอย่างนึงที่เพื่อนที่ไปด้วยกันพยายามเน้นให้ทำก็คือการไป meetup event ต่างๆ ที่มีจัดขึ้นในงาน ข้อดีของการไป meetup ก็คือทุกคนที่ไปก็มีจุดมุ่งหมายในการไปคุยกับคนแปลกใหม่อยู่แล้วจึงค่อนข้างง่ายที่จะเดินไปคุยแนะนำตัวกับใครก็ได้ไม่เขอะเขินมากเกินไป นอกจากนี้การได้อุ่นเครื่องกับการไปงาน meetup ก็ทำให้ค่อนข้างง่ายขึ้นที่จะคุยกับคนในวันต่อๆ ไป

ความหลากหลายของผู้คนที่มางานนี้ก็ถือเป็นสเน่ห์อีกอย่างหนึ่งของงานสำหรับผม ในเวลาเกือบหนึ่งอาทิตย์ที่ผมได้อยู่ที่นั่น มีโอกาสได้พูดคุยกับคนมากมายจากหลายอาชีพและจากทั่วโลก: investor จาก VC ใน San Francisco, Programmer จากบริษัทชื่อดังอย่าง Microsoft, Evernote, Twitter, Google, นักออกแบบจาก Facebook และอื่นๆ อีกมากมายครับ การได้พูดคุยกับคนเหล่านี้ผมว่าเป็นการเปิดโลกทัศน์ที่ได้ ได้รู้ในสิ่งที่ไม่เคยรู้ ได้มองโลกจากมุมมองที่แปลกไป และยังได้เป็นการกระทบไหล่คนมีชื่อเสียงที่ผมชื่นชมเป็นการส่วนตัวอีกด้วย คนหนึ่งที่ผมได้เจอตัวเป็นๆ ในงานและได้คุยกับเขา (นิดหน่อย) ก็คือคุณ Eric Ries ผู้แต่งหนังสือที่คนในวงการ Startup ต้องรู้จัก อย่าง “The Lean Startup

สังสรรค์

สิ่งที่ค่อนข้างพิเศษของงาน SXSW ที่แตกต่างจากงาน conference ทั่วไปคือการที่ไม่ได้เน้นแต่การโชว์ผลงานด้านเทคโนโลยีอย่างเดียว แต่มีการจัดควบคู่ไปกับ การโชว์ผลงานความบันเทิงทั้งด้านดนตรีและหนังไปพร้อมๆ กัน ทำให้นอกจากการได้ตื่นตาตื่นใจกับเทคโนโลยีใหม่ๆ แล้วยังเป็นโอกาสได้เพลิดเพลินไปกับคอนเสิร์ต, ปาร์ตี้, และ Event พิเศษต่างๆ ที่มีจัดให้ฟรีสำหรับผู้ร่วมงานอย่างมากมายจนเลือกไม่ถูก

ตกดึกหลังจากงานพูดคุยด้านเทคโนโลยีจบลง ผับบาร์บน 6th Street ในเขตตัวเมืองออสตินก็จะเต็มไปด้วยงานกินฟรีดื่มฟรีหลายๆ เจ้าที่ sponsor ด้วยบริษัทเทคโนโลยีที่มาร่วมงาน (แถมมีของฟรีแจกเต็มไปหมด) คอนเสิร์ตและงานที่เจ๋งๆ ส่วนใหญ่ต้องอาศัยความพยายามเล็กน้อยในการต่อคิวรอเข้างาน งานปาร์ตี้ทีเด็ดที่ผมชอบมากก็คืองาน ของ National Geo Graphics ที่มี DJ ชื่อดังอย่าง Girl talk มาเล่นในงานและ ดื่มฟรีตลอดงาน :D~ (ต้องต่อคิวประมาณชั่วโมงครึ่งได้มั้ง)

สรุปแล้ว ผมว่ามางานนี้ได้อะไรกลับไปเยอะมาก ทั้งแง่ประสบการณ์ ความรู้ ความสนุกถือว่าคุ้มค่ามาก ถามว่าจะมาอีกหรือเปล่าในปีหน้า ยังไม่แน่ใจครับเพราะค่าใช้จ่ายค่อนข้างเยอะพอตัว แต่สำหรับคนในแวดวงเทคโนโลยี ที่มีโอกาสไป ผมว่าไม่ควรพลาดครับ

สำหรับคนที่จะมาในปีถัดๆ ไปก็ขอฝาก Tip เล็กๆ น้อย เผื่อจะทำให้ชีวิตคุณง่ายขึ้นนิดนึง:

– จองที่พักล่วงหน้านานๆ เอาใกล้ๆ ในตัวเมืองครับ (ยอมจ่าแพงนิดนึง) จะได้ไม่ต้องสู้กับผู้คนในการหาทางกลับบ้าน และสามารถอยู่สังสรรค์ได้ถึงดึก

– อย่ามัวแต่ไปฟังคนที่มาพูดเพียงอย่างเดียว ส่วนสำคัญของงานคือการได้พบผู้คนและการได้ลองทำอะไรใหม่ๆ ด้วย

– พยายามคุยกับคนแปลกหน้า ไป meet up ขยายมุมมอง พยายามลองไปทำหรือไปเข้าฟังสิ่งที่ไม่เคยคิดว่าจะสนใจ ส่วนใหญ่มักจะได้พบอะไรดีๆ ที่ไม่ได้คาดคิด

– ไม่ควรโลภมาก พยายามไปดูอะไรเยอะเกินไป เลือกและจัดลำดับความสำคัญและวางแผนความใกล้ไกลของสถานที่ด้วยเพราะขนาดงานค่อนข้างใหญ่อาจหมดแรงก่อนหมดวันได้ครับ