Site icon Thumbsup

Hotel.com เผยผลสำรวจการจองห้องพักล่าสุด นักเดินทางทั่วโลกยอมจ่ายค่าห้องแพงขึ้น ส่วนคนไทยจ่ายค่าห้องน้อยลง

ภาพรวมการท่องเที่ยวในทั่วโลกนั้น ประเทศไทยยังถือว่าเป็น Destination ที่ไม่ว่าใครก็อยากเดินทางมาสักครั้ง สำหรับนักท่องเที่ยวเรื่องของห้องพักถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญในการพักผ่อนเพื่อชาร์จพลังหลังการทำงานมาตลอดทั้งปี แน่นอนว่าเจ้าของธุรกิจโรงแรมหรือโฮสเทลต่างก็อยากได้จำนวนลูกค้าเยอะขึ้น จึงเน้นบริการที่ดีเต็มที่เพื่อหวังการกลับมาพักซ้ำอีก

จากผลสำรวจดัชนีราคาห้องพักจาก Hotels.com ในปี 2561 พบว่านักท่องเที่ยวทั่วโลกใช้จ่ายค่าห้องพักเพิ่มสูงขึ้น 3% สูงสุดนับตั้งแต่ปี 2547 ในทางกลับกัน ดัชนีราคาห้องพักเปิดเผยว่า นักท่องเที่ยวชาวไทยจ่ายเงินเฉลี่ย 1,720 บาทต่อคืน สำหรับค่าห้องพักในประเทศ ลดลง 7% เมื่อเทียบกับปี 2560

ด้านนักท่องเที่ยวชาวไทยจ่ายเงินเฉลี่ย 4,437 บาทต่อคืนสำหรับค่าห้องพักต่างประเทศ ซึ่งเป็นราคาค่าใช้จ่ายเท่ากันกับปี 2560 ส่วนราคาห้องพักเฉลี่ยในระดับโลก จากผลสำรวจดัชนีราคาห้องพักบนแพลตฟอร์ม Hotels.com ของปีนี้ พบว่า มีสถิติราคาเฉลี่ยสูงสุดในรอบกว่าทศวรรษ

ผลสำรวจล่าสุดของ Hotels.com เผยให้เห็นว่าอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในระดับโลกเติบโตอย่างต่อเนื่อง นักท่องเที่ยวทั่วโลกจ่ายเงินค่าห้องพักเพิ่มขึ้น 3% ในปี 2561 ยกเว้นประเทศในแถบมหาสมุทรแปซิฟิกรวมถึงประเทศไทย

โดยนักท่องเที่ยวชาวไทยจ่ายค่าห้องพักภายในประเทศในปี 2561 เฉลี่ยต่อคืนที่ 1,720 บาท ลดลง 7% เมื่อเทียบกับปี 2560 ในขณะที่จ่ายค่าห้องพักต่างประเทศในปี 2561 เฉลี่ยอยู่ในระดับเดิมที่ 4,437 บาทต่อคืน โดยมีราคาค่าใช้จ่ายเท่ากันกับปี 2560

ทั้งนี้ การเติบโตของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเกิดขึ้นสวนทางกับภาวะความผันผวนเศรษฐกิจหลายประการไม่ว่าจะเป็น เบร็กซิท(Brexit) หรือการถอนตัวออกจากสหภาพยุโรปของสหราชอาณาจักรที่กำลังเกิดขึ้น รวมถึงภาวะภัยธรรมชาติทั้งวิกฤตการณ์ไฟป่าที่รัฐแคลิฟอร์เนีย ภาวะแห้งแล้งในประเทศแอฟริกาใต้ และแผ่นดินไหวในประเทศญี่ปุ่น

โดยนักท่องเที่ยวมีแนวโน้มเชิงบวกและกลับมามั่นใจในการเดินทางท่องเที่ยวในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมต่างๆ อาทิ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ประเทศอียิปต์ และประเทศตุรกี รวมถึงกลุ่มประเทศที่ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติทั้งในแถบอเมริกาใต้และอเมริกาเหนือ

แม้ว่าการใช้จ่ายค่าห้องพักในทั่วโลกจะเพิ่มสูงมากขึ้น แต่ในปีที่ผ่านมาคนไทยใช้จ่ายค่าห้องพักในประเทศลดน้อยลง ในขณะที่ใช้จ่ายค่าห้องพักต่างประเทศในระดับราคาเดิม

 

สถานที่ท่องเที่ยวที่คนไทยจ่ายค่าห้องพักสูงที่สุด

ผลสำรวจดัชนี HPI เปรียบเทียบให้เห็น 10 สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศและต่างประเทศ ที่คนไทยยอมจ่ายค่าห้องพักสูงที่สุด เรียงลำดับจากราคาเฉลี่ยสูงสุดต่อคืน

 

10 สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศที่คนไทยจ่ายค่าห้องพักสูงที่สุดปี 2561

ลำดับที่ สถานที่ท่องเที่ยว ราคาเฉลี่ยต่อคืน (บาท)
1 ชะอำ 3,131
2 หัวหิน 3,127
3 ภูเก็ต 2,903
4 เกาะสมุย 2,835
5 เกาะพีพี 2,600
6 ระยอง 2,455
7 กระบี่ 2,419
8 สัตหีบ 2,279
9 กรุงเทพฯ 2,143
10 นครราชสีมา 2,114

 

10 สถานที่ท่องเที่ยวต่างประเทศที่คนไทยจ่ายค่าห้องพักสูงที่สุดปี 2561

ลำดับที่ สถานที่ท่องเที่ยว ราคาเฉลี่ยต่อคืน (บาท)
1 กรุงนิวยอร์ก, สหรัฐอเมริกา 8,418
2 กรุงลอนดอน, สหราชอาณาจักร 7,644
3 กรุงปารีส, ฝรั่งเศส 7,438
4 ซานฟรานซิสโก, สหรัฐอเมริกา 7,395
5 กรุงอัมสเตอร์ดัม, เนเธอร์แลนด์ 6,930
6 กรุงบาเซโลน่า, สเปน 6,710
7 โคเปนเฮเกน, เดน มาร์ก 6,578
8 กรุงมิลาน, อิตาลี 6,509
9 ลอสแอนเจลิส, สหรัฐอเมริกา 6,161
10 ชิคาโก, สหรัฐอเมริกา 6,054

 

นอกจากนี้ ดัชนี HPI ยังชี้ให้เห็นข้อมูลน่าสนใจต่างๆ เกี่ยวกับราคาเฉลี่ยและความนิยมของนักท่องเที่ยวชาวไทยต่อสถานที่ท่องเที่ยวรอบโลกต่างๆ ในปี 2561 ดังนี้

สถานที่ท่องเที่ยวราคาห้องพักเฉลี่ยสูงที่สุด

กรุงนิวยอร์ก, สหรัฐอเมริกา ราคาห้องพักเฉลี่ยต่อคืน 8,418 บาท

สถานที่ท่องเที่ยวราคาห้องพักเฉลี่ยต่ำที่สุด

กรุงพนมเปญกัมพูชา ราคาห้องพักเฉลี่ยต่อคืน 1,780 บาท

สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมที่สุด

กรุงโตเกียว, ญี่ปุ่น ราคาห้องพักเฉลี่ยต่อคืน 4,789 บาท

สถานที่ท่องเที่ยวได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นที่สุด

อิสตันบูล, ตุรกี ราคาห้องพักเฉลี่ยต่อคืน 3,874 บาท

สถานที่ท่องเที่ยวราคาห้องพักเฉลี่ยเพิ่มขึ้นมากที่สุด

กรุงมอสโก, รัสเซีย ราคาห้องพักเฉลี่ยต่อคืนเพิ่มขึ้น 943 บาท (หรือประมาณ 4,759 บาทต่อคืน)

สถานที่ท่องเที่ยวราคาห้องพักเฉลี่ยลดลงมากที่สุด

ซานฟรานซิสโก, สหรัฐอเมริกา ราคาห้องพักเฉลี่ยต่อคืนลดลง 2,763 บาท (7,395 บาทต่อคืน)

 

ทางด้านตัวเลขทั้งหมดนี้ สำรวจผ่านแพลตฟอร์มการจองห้องพักบนเว็บไซต์ Hotel.com ซึ่งไม่อาจบอกถึงภาพรวมการจองห้องทั้งประเทศได้ แต่ก็ชี้ให้เห็นถึงค่าใช้จ่ายในการวางแผนเดินทางว่ามีทิศทางไปในแนวทางไหน และธุรกิจเองก็ควรปรับตัว และมองหาโอกาสในการเข้าถึงนักท่องเที่ยวทั่วโลก เพื่อสร้างรายได้ที่ต่อเนื่อง