Site icon Thumbsup

กลยุทธ์การเปลี่ยนชื่อสถานีรถไฟ ช่วยเพิ่มยอดขายให้แชมพูปลูกผมและบริษัทรถไฟท้องถิ่น

How renaming a train station boosted both a shampoo brand and tourism

อาจไม่ต้องอาศัยงบโฆษณาที่สูงนัก แต่ค่ายเอเจนซี่โฆษณาสัญชาติญี่ปุ่นอย่าง Oricom ก็สามารถเพิ่มยอดขายให้กับแชมพูปลูกผมยี่ห้อ Mesocare-Plus ได้ แถมยังได้ช่วยพยุงฐานะทางการเงินของผู้ให้บริการรถไฟท้องถิ่นด้วย

โดยความสามารถในการสร้างจุดสนใจให้กับแชมพูปลูกผม Mesocare-Plus ไปพร้อม ๆ กับการสร้างความสนใจให้กับผู้ให้บริการรถไฟอย่าง Choshi Electric Railway ในเขตจังหวัดชิบะซึ่งปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวลดลงอย่างต่อเนื่องจนอาจส่งผลต่องบการเงินของบริษัทได้เริ่มขึ้นอย่างน่าสนใจ เมื่อผู้ให้บริการรถไฟตัดสินใจขายสิทธิของชื่อสถานีรถไฟ Kasagami Kurohae ให้กับผลิตภัณฑ์แชมพูเป็นเงิน 1.5 ล้านเยน เป็นเวลาหนึ่งปี

ด้านทีมเอเจนซี่ก็ได้เปลี่ยนชื่อสถานีดังกล่าวเป็น Kaminoke Kurohae ซึ่งหมายความถึงการมีผมที่ดกดำและแข็งแรง พร้อมตั้งเป้าหมายให้สถานีดังกล่าวเป็นเหมือนสรวงสวรรค์แห่งเส้นผม

เพื่อโปรโมตชื่อสถานีใหม่ ทางบริษัทก็ได้จัดพิมพ์ตั๋วรถไฟรุ่นพิเศษที่ทำจากสาหร่ายคอมบุ (ซึ่งชาวญี่ปุ่นเชื่อว่าเป็นอาหารเสริมชั้นดีให้กับเส้นผม) ออกวางขายจำนวน 100 ชุด รวมถึงการผลิตสื่อโฆษณาภาพเคลื่อนไหวด้วย

ส่วนชื่อเดิมอย่าง Kaminoke Kurohae ซึ่งในคำว่า Kuro ที่แปลว่าสีดำนั้น แท้จริงแล้วมาจากบริเวณดังกล่าวที่เต็มไปด้วยหินสีดำ แต่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับการปลูกผมให้ดกดำเลย

ผลก็คือโฆษณาดังกล่าวได้รับความสนใจอย่างสูง โดยได้รับการเผยแพร่ในสื่อทีวีกว่า 75 ล้านครั้ง ในสื่อสิ่งพิมพ์ 7.3 ล้านครั้ง และบนออนไลน์อีกเกือบ 9 ล้านครั้ง

แม้ในความเป็นจริง สถานีดังกล่าวจะไม่มีความเกี่ยวโยงใด ๆ กับการทำให้เส้นผมกลับฟื้นคืนชีพขึ้นมาดกดำได้ แต่ผลของแคมเปญโฆษณานี้ก็ทำให้ยอดขายของแชมพูปลูกผมเพิ่มขึ้นอย่างมาก (Mesocare ไม่เปิดเผยตัวเลขที่เกิดขึ้นจริง) แถมยังทำให้มีนักท่องเที่ยวแวะมาใช้บริการรถไฟของ Choshi Electric เพิ่มขึ้นถึง 23 เปอร์เซ็นต์ ส่วนสถานีที่ได้รับการเปลี่ยนชื่ออย่าง Kasagami Kurohae นั้นมีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 11 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว

ฮิโรโตะ เซกิงุชิ โปรดิวเซอร์ของแคมเปญดังกล่าวเผยว่า เมืองหรือธุรกิจที่ประสบปัญหาทางการเงินเป็นปัญหาที่ชาวญี่ปุ่นโดยทั่วไปทราบกันดี แต่หากชาวเมืองพยายามช่วยเหลือตัวเองก่อนเป็นอันดับแรก คนญี่ปุ่นก็พร้อมจะสนับสนุนควาพยายามของเมืองนั้น ๆ เช่นกัน เช่น ในกรณีนี้ ญี่ปุ่นมีคนที่เป็นแฟนการเดินทางโดยรถไฟอยู่เป็นจำนวนมาก และแฟน ๆ เหล่านี้ต่างก็ต้องการให้การรถไฟท้องถิ่นสามารถอยู่รอดได้ นั่นจึงทำให้พวกเขาตัดสินใจสนับสนุนแคมเปญนี้จนประสบความสำเร็จในที่สุดนั่นเอง

ทั้งนี้ สิทธิในการใช้ชื่อสถานีดังกล่าวจะหมดอายุลงในเดือนธันวาคมปีนี้ ซึ่งเป็นไปได้ว่า ทาง Mesocare อาจต่ออายุสัญญากับทาง Choshi Electric Railway ด้วย

ที่มา Campaign Japan