Site icon Thumbsup

เร่งองค์กรพร้อมรับ GDPR มาตรฐานการเก็บข้อมูลยุคใหม่

ช่วงนี้ภาคธุรกิจหลายแห่งที่ต้องสื่อสารกับลูกค้ากำลังตื่นตัวเรื่องของการปรับปรุงนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลและการรักษาความปลอดภัยกันมากขึ้นเลยทีเดียวค่ะ ทาง IBM จึงได้จัดทำผลวิจัยเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพื่อให้เข้าใจถึงแนวทางที่องค์กรเตรียมพร้อมสำหรับ GDPR และใช้ GDPR อย่างมีประสิทธิภาพในแง่โอกาสในการปฏิรูปธุรกิจ จำนวน 1,500 คนใน 34 ประเทศและอีก 15 อุตสาหกรรม ช่วงกุมภาพันธ์-เมษายน 2561 ค่ะ

ทั้งนี้ IBM ได้สรุปมาว่าภาคธุรกิจส่วนใหญ่มอง GDPR เป็นโอกาสในการปรับปรุงนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลและการรักษาความปลอดภัยมากขึ้น จากที่ในอดีตอาจไม่ได้ให้ความรอบคอบมากนัก ทำให้ 80% ขององค์กรต้องหันมาทบทวนเรื่องนี้ รวมทั้งลดปริมาณข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บไว้

โดยผลการวิจัยล่าสุดยังชี้ให้เห็นว่า เกือบ 60% ขององค์กรที่สำรวจ มองข้อบังคับความคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของผู้บริโภค หรือ General Data Protection Regulation: GDPR เป็นโอกาสในการปรับปรุงนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล การรักษาความปลอดภัย การจัดการข้อมูล เป็นสิ่งกระตุ้นให้เกิดโมเดลธุรกิจแบบใหม่ มากกว่าที่จะเป็นเพียงประเด็นกฎเกณฑ์ที่ต้องปฏิบัติหรือเป็นอุปสรรคต่อธุรกิจ

ทำให้บริษัทส่วนใหญ่หันมาเพิ่มความเข้มงวดเกี่ยวกับข้อมูลที่องค์กรจัดเก็บหรือบริหารจัดการมากขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงต่างๆ โดย 70% กำจัดข้อมูลก่อนที่จะถึงเวลาที่กำหนดไว้ เพื่อให้สอดคล้องกับข้อบังคับดังกล่าว

การเตรียมพร้อมสำหรับ GDPR ของบริษัทต่างๆ เกิดขึ้นหลังจากการที่กลุ่มผู้บริโภคเริ่มหันมาตรวจสอบการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลของธุรกิจต่างๆ มากขึ้น โดยการสำรวจความคิดเห็นอีกชุดจากผู้บริโภค 10,000 คน โดยแฮร์ริส โพลในนามของ IBM พบว่ามีผู้บริโภคชาวอเมริกันเพียง 20% เท่านั้นที่เชื่ออย่างเต็มที่ว่าองค์กรที่พวกเขามีปฏิสัมพันธ์ด้วย จะรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของพวกเขาไว้

ช่วงสัปดาห์ก่อนถึงวันที่ 25 พฤษภาคม 2561 ที่ข้อบังคับดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ สถาบันการศึกษาคุณค่าทางธุรกิจ (Institute for Business Value:IBV) ของ IBM ได้สำรวจผู้นำธุรกิจกว่า 1,500 คน ที่รับผิดชอบการปฏิบัติตามข้อกำหนดของ GDPR ขององค์กรต่างๆ ทั่วโลก ผลสำรวจแสดงให้เห็นว่าบริษัทต่างๆ มอง GDPR เป็นโอกาสในการเพิ่มความเชื่อมั่นของลูกค้าและช่วยผลักดันนวัตกรรม กล่าวคือ

–  84% เชื่อว่าหลักฐานที่พิสูจน์ว่าองค์กรปฏิบัติอย่างสอดคล้องกับ GDPR จะช่วยสร้างความแตกต่างในทางบวกในสายตาของผู้บริโภค

– 76% มองว่า GDPR จะสร้างความสัมพันธ์ที่น่าเชื่อถือขึ้นกับเจ้าของข้อมูล (data subjects) อันจะนำสู่โอกาสใหม่ๆ ทางธุรกิจ

– แม้จะมองว่าเรื่องนี้เป็นโอกาส แต่มีองค์กรเพียง 36% เท่านั้น ที่เชื่อว่าจะสามารถปฏิบัติให้สอดคล้องกับ GDPR ได้อย่างสมบูรณ์ภายในวันที่ 25 พฤษภาคมนี้


นายกิตติพงษ์ อัศวพิชยนต์ รองกรรมการผู้จัดการ ธุรกิจซอฟต์แวร์ บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า “GDPR
จะเป็นหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงที่สร้างผลกระทบมากที่สุด ซึ่งจะส่งผลต่อโมเดลธุรกิจในอุตสาหกรรมต่างๆ และกระทบไปยังประเทศนอกกลุ่มสหภาพยุโรปด้วย การเริ่มบังคับใช้ GDPR เกิดขึ้นในช่วงที่ผู้บริโภคขาดความเชื่อมั่นอย่างมากต่อความสามารถของธุรกิจ ที่จะปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของพวกเขา ปัจจัยเหล่านี้ก่อให้เกิดแรงผลักดันขนานใหญ่ให้องค์กรต้องทบทวนวิธีจัดการกับความรับผิดชอบต่อข้อมูล และเริ่มต้นฟื้นคืนความเชื่อมั่น ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในสภาพเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลในปัจจุบัน

สิ่งสำคัญอีกประการที่พบในการวิจัยครั้งนี้ คือการที่องค์กรต่างๆ ใช้ GDPR เป็นโอกาสในการปรับปรุงวิธีจัดการข้อมูลและลดปริมาณข้อมูลที่องค์กรต้องบริหารจัดการ ซึ่งหมายถึงการลดปริมาณข้อมูลที่องค์กรรวบรวม จัดเก็บ และแบ่งปันลงอย่างมาก โดยจากผลการศึกษาองค์กรต่างๆ รายงานว่าได้ดำเนินการดังต่อไปนี้เพื่อปฏิบัติตาม GDPR

– 80% กล่าวว่าองค์กรกำลังลดปริมาณข้อมูลส่วนบุคคลที่จัดเก็บ

– 78% กำลังลดจำนวนคนที่ได้รับสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล

– 70% กำลังกำจัดข้อมูลที่ไม่จำเป็นต้องใช้อีกต่อไป

เมื่อต้องปฏิบัติให้สอดคล้องกับ GDPR คือการค้นหาข้อมูลส่วนบุคคลที่อยู่ภายในองค์กร (data discovery) การตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลที่องค์กรรวบรวมและจัดเก็บ รวมถึงการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์วิธีการวิเคราะห์และแบ่งปันข้อมูล (data processing principals) เรื่องอื่นๆ ซึ่งเป็นที่กังวล ได้แก่ การจัดการการเคลื่อนย้ายข้อมูลข้ามพรมแดน และการได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูล โดยผู้ตอบแบบสำรวจน้อยกว่าครึ่งหนึ่งบอกว่าได้เตรียมพร้อมสำหรับ GDPR ในด้านเหล่านี้แล้ว

องค์ประกอบที่สำคัญประการหนึ่งของ GDPR คือการกำหนดให้บริษัทต่างๆ ต้องรายงานการละเมิดข้อมูลแก่ผู้กำกับดูแลภายใน 72 ชั่วโมง อย่างไรก็ตาม การศึกษาของ IBV พบว่ามีบริษัทเพียง 31% เท่านั้นที่ตรวจสอบหรือแก้ไขแผนรับมือเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด (Incident Response Plan) เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับข้อกำหนดนี้ ซึ่งแสดงให้เห็นจุดบอดของวิธีรับมือกับ GDPR โดยรวมของบริษัทต่างๆ แม้ว่าจะมีความท้าทาย แต่กลุ่มบริษัทผู้นำ” (22%) จะใช้ GDPR เป็นโอกาสในการปฏิรูปธุรกิจอย่างเต็มรูปแบบ ในแง่แนวทางความรับผิดชอบต่อข้อมูลและการบริหารจัดการ กล่าวคือ

– 93% ได้ปรับเปลี่ยนกระบวนการรับมือเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด

– 79% บอกว่าได้เตรียมพร้อมสำหรับการดำเนินการค้นหาข้อมูลและตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล

– 74% บอกว่าได้นำมาตรการด้านการรักษาความปลอดภัยและการออกแบบเกี่ยวกับความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลมาใช้กับผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ

ประเด็นเรื่อง GDPR นี้ กำลังเป็นข้อบังคับที่สร้างมาตรฐานให้ธุรกิจทั่วโลกเลยนะคะ หากองค์กรขนาดใหญ่ไม่ให้ความสำคัญในเรื่องนี้อาจส่งผลกระทบด้านความเชื่อมั่นอย่างมากเลยทีเดียว งานนี้คงต้องหวังให้ผู้บริหารเข้าใจและเตรียมพร้อมเกี่ยวกับเรื่องนี้กันมากขึ้นนะคะ