Site icon Thumbsup

Kodak คัมแบ็คด้วย “บล็อกเชน-KodakCoin” สกุลเงินดิจิทัลสำหรับวงการถ่ายภาพ

หลายคนอาจหยิบเรื่องของ Kodak ขึ้นมากล่าวถึงบ่อย ๆ ในฐานะแบรนด์ที่ไม่สามารถ Transform ตัวเองมาสู่โลกดิจิทัลได้ แต่วันนี้คำสบประมาทเหล่านั้นอาจต้องเปลี่ยนไปแล้ว เมื่อชื่อของ Kodak กลับฟื้นขึ้นมาใหม่ภายหลังการเปิดตัวสกุลเงินดิจิทัลเป็นรายล่าสุด อย่าง “KODAKCoin” ส่งผลให้หุ้นของบริษัทมีมูลค่าเพิ่มขึ้นถึง 92%

โดยสกุลเงินดิจิทัล KODAKCoin ที่มีบล็อกเชนอยู่เบื้องหลังนี้ออกแบบมาเพื่อเป็นสกุลเงินสำหรับวงการช่างภาพก็ว่าได้ และถือเป็นส่วนหนึ่งของ KODAKOne แพลตฟอร์มบริหารจัดการด้านลิขสิทธิ์ภาพที่ Kodak เป็นพาร์ทเนอร์ร่วมกับ WENN Digital ซึ่งเป็นระบบของ WENN Media ในการจัดหาภาพให้กับเว็บไซต์และสื่อต่าง ๆ นั่นเอง

ด้าน Jeff Clarke ซีอีโอของ Kodak กล่าวว่า บล็อกเชนและสกุลเงินดิจิทัลอาจฟังเป็นศัพท์ฮอตฮิตสำหรับหลาย ๆ วงการที่ใครหยิบมาใช้แล้วจะดูเท่ห์ แต่สำหรับวงการช่างภาพ บล็อกเชนและสกุลเงินดิจิทัลเป็นเครื่องมือที่ตอบโจทย์การจัดการกับสิทธิของผลงานได้อย่างดี และสามารถแก้ปัญหาที่วงการช่างภาพมีมานานได้ในเรื่องของการควบคุมการใช้งานภาพถ่าย จึงมองว่าเทคโนโลยีนี้จะเป็นประโยชน์ต่อชุมชนนักถ่ายภาพ และทำให้การจ่ายเงินตอบแทนตากล้องจะเป็นธรรมมากขึ้น

สำหรับแพลตฟอร์มดังกล่าว ผู้ใช้งานสามารถอัปโหลดภาพใหม่ ๆ ขึ้นมาในระบบได้ และบริหารจัดการสิทธิต่าง ๆ บนแพลตฟอร์มได้โดยตรง และถือเป็นตัวอย่างของการใช้บล็อกเชนที่ดีมากตัวอย่างหนึ่ง อีกทั้งยังมี AI ในรูปของเทคโนโลยี Image recognition เอาไว้ช่วยในการตรวจสอบภาพถ่ายด้วย

นอกจากมีผลดีต่อชุมชนคนถ่ายภาพแล้ว ในอีกด้านหนึ่งยังทำให้หุ้น Kodak ในตลาดหุ้นนิวยอร์กนั้นกลับมาเติบโตอีกครั้งด้วย โดยนักวิเคราะห์พบว่า มีราคาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนสามารถปิดได้ที่ 6.65 เหรียญสหรัฐ ซึ่งอาจมองได้ว่าเป็นสัญญาณในแง่บวกของ Kodak ก็ว่าได้ และไม่ใช่มีเฉพาะ Kodak ที่มูลค่าหุ้นกลับมาพุ่งทะยานได้ใหม่ เพราะหลาย ๆ บริษัทเลยทีเดียวที่กระโจนเข้าสู่ธุรกิจสกุลเงินดิจิทัลต่างก็มีอัตราการเติบโตที่สูงมาก ยกตัวอย่าง เช่น Riot Blockchain ที่มูลค่าหุ้นเพิ่มขึ้นสามเท่าเมื่อบริษัทประกาศทรานสฟอร์มตัวเองจากธุรกิจด้านไบโอเทคโนโลยีมาสู่บิทคอยน์ หรือผู้ผลิตเครื่องดื่ม Long Island Iced Tea ที่หันมาโฟกัสที่บล็อกเชน และเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น Long Blockchain

อ่านเพิ่มเติมได้ที่ TheNextWeb , TheVerge