Site icon Thumbsup

4 ไอเดียสร้างแรงบันดาลใจ “กระทิง” เรืองโรจน์ พูนผล จุดไฟคนทำงานยุคดิจิทัล

เชื่อว่าปีที่ผ่านมาเป็นปีที่ยากและท้าทายสำหรับคนวัยทำงานหลาย ๆ คน รวมถึงกลุ่มนักศึกษาจบใหม่ที่เพิ่งก้าวเข้าสู่ตลาดงานอย่างเต็มตัว เนื่องจากทุกบริษัทต่างก็ต้องรัดเข็มขัดและปรับตัวให้เท่าทันกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เป็นเหตุให้ทิศทางของตลาดแรงงานเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ยุคนิวนอร์มอล

ซึ่งล่าสุด จ๊อบส์ ดีบี (JobsDB) แพลตฟอร์มหางานชั้นนำของเอเชีย เผยรายงานอัตราเงินเดือนของพนักงานไทยประจำปี 2564 (Salary Report 2021) บ่งชี้ถึงทิศทางของตลาดงานที่มีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม รวมถึงสายงานที่กำลังเป็นที่ต้องการในตลาดงาน อย่างไอที-ดิจิทัล จึงเป็นสัญญาณว่ากลุ่มคนทำงานเองก็ควรต้องปรับตัวเพื่อตอบรับกับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวด้วย

โดยบทความในวันนี้จะพาทุกท่านไปเจาะลึกไอเดียสร้างแรงบันดาลใจในการพัฒนาตนเอง ผ่านเรื่องราวความสำเร็จที่เริ่ม “เปลี่ยน” จากการ “ปรับ” และ “ปลดล็อก” ศักยภาพที่มีอยู่ของ คุณกระทิง ‘เรืองโรจน์ พูนผล’ ประธาน Kasikorn Business-Technology Group (KBTG) ผู้บริหารระดับแนวหน้าของไทย ที่ทำให้เด็กวิศวะคนนึงตัดสินใจทุ่มหมดหน้าตักเพื่อไปไล่ตามความฝันของตัวเองไกลถึงซิลิคอนแวลลีย์ (Silicon Valley) บ้านเกิดของ Google สู่การเป็นผู้บริหารที่เปิดสวิตช์ให้แก่วงการสตาร์ทอัพไทย ผ่าน 4 ไอเดียสร้างแรงบันดาลใจของคุณกระทิง

หาแรงผลักและแรงดึงให้กับจิตใจ (Push & Pull)

ในชีวิตการทำงาน หลายคนคงเคยประสบกับช่วงที่อาจจะมีความรู้สึกที่เรียกกันว่า “อาการหมดไฟ” ซึ่งเป็นช่วงที่เหล่าคนทำงานหมดกำลังใจในการทุ่มเทให้งาน ซึ่งกลยุทธ์การผลักและดึง (Push & Pull) เป็นไอเดียแรกที่คุณกระทิงได้นำมาใช้ในการผลักดันตัวเองให้ก้าวต่อไปในครั้งสมัยทำงานที่แรกที่บริษัท พรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล (P&G) ในฐานะวิศวกรโรงงานประจำต่างจังหวัดสู่สายงานขายและการตลาด

นับเป็นการออกตัวจากจุดสตาร์ท และจุดไฟในการทำงานให้กลับมาลุกโชนอีกครั้ง โดยมองหา “แรงกระตุ้น” ทั้งจากภายใน (Push) และภายนอก (Pull) ด้วยการ ‘ผลักดัน’ ตัวเองให้ก้าวกระโดดออกจากสิ่งที่ถนัดและชำนาญ เพื่อเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ในสายงานที่ไม่คุ้นเคย พร้อม ‘ดึง’ ศักยภาพและแพชชัน (Passion) จุดประกายไปสู่นักขายและนักการตลาดที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในสมัยนั้น

กล้าทลายระยะปลอดภัยของตนเอง (Out of Comfort Zone)

ไอเดียสู่ความสำเร็จสูตรที่สองคือแนวคิดการตัดสินใจคว้าโอกาสในความก้าวหน้าครั้งสำคัญของชีวิต (Breakthrough Opportunity) เป็นแนวคิดที่จะมาปลดล็อกให้คุณกระทิงได้เติบโตเพื่อเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ และพบเจอกับความท้าทายด้วยการกล้าที่จะออกจากระยะปลอดภัยของตนเอง (Comfort Zone) โดยในครั้งแรกคือการก้าวออกมาจากตำแหน่งวิศวกรสู่ฝ่ายขายและการตลาด

ซึ่งถือเป็นการทลายกำแพงของตนเองครั้งสำคัญ และครั้งที่สองคือการตัดสินใจไปเรียนต่อที่อเมริกา ที่มีปัจจัยภายนอกมาเป็นแรงกระตุ้นคือ อินเทอร์เน็ต ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว พร้อมกับสัญญาณการเปลี่ยนแปลงของโลก ณ ช่วงเวลานั้น

ซึ่งเปรียบเสมือนการมาถึงของ สกุลเงินดิจิทัล (Cryptocurrency) ในปัจจุบัน จึงเป็นแรงผลักดันให้ตนเองตัดสินใจออกจากงานที่กำลังไปได้ดีและไปศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด รัฐแคลิฟอร์เนีย ในสาขาวิชา Entrepreneurial Studies ประเทศสหรัฐอเมริกา

จนได้มีโอกาสร่วมงานกับบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Google ที่ ซิลิคอนแวลลีย์ (Silicon Valley) และกลับมาเติมเต็มความฝันของตัวเองที่จะสร้างระบบนิเวศเกื้อหนุนทางเทคโนโลยีให้แก่ประเทศไทยในท้ายที่สุด

 

“Good day” คือวันที่มีอุปสรรคให้ได้เอาชนะ

อีกสูตรลับความสำเร็จคือ “Growth Mindset” ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้คุณกระทิงไม่เคยหยุดอยู่กับที่และมุ่งมั่นพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง โดยใช้แนวคิดการมีความสุขกับการเรียนรู้และการพัฒนาตนเอง และมองความล้มเหลวหรือข้อผิดพลาดเป็นเรื่องที่ดี ผ่านการทำงานในแต่ละวัน

โดยแบ่งวันทำงานออกเป็นสองประเภทที่ไม่เหมือนคนทั่วไป ได้แก่ Bad Day ซึ่งจะเป็นวันที่เราทำงานผ่านไปโดยไม่ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ หรือพบเจอกับความท้าทาย กลับกัน Good Day คือวันที่เราได้เผชิญกับความท้าทายและเรียนรู้ที่จะฝ่าฟันอุปสรรคเหล่านั้นไปได้ และแนะนำให้มองการทำงานในแต่ละวันเป็นการเรียนรู้ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ เพื่อพัฒนาตนเองต่อไปอย่างสม่ำเสมอ

“สำหรับผม ชีวิตของเราจะมีความสุขได้ก็ต่อเมื่อเราได้ทำงานที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับชีวิต เพราะหากเรามีความสุขกับงานที่เรากำลังทำ ทุก ๆ วันในชีวิตของเราก็จะมีความสุขและเป็นแรงผลักดันให้เราได้สร้างสรรค์สิ่งดี ๆ ให้กับ ตัวเราเอง องค์กร รวมถึงสังคม”

 

½ gy3 ไม่ใช่สูตรคณิตศาสตร์ แต่คือสูตรแห่งการใช้ชีวิตการทำงานให้เป็น

เป็นสูตรลับความสำเร็จสุดท้ายที่อยากให้ทุกคนยึดถือเพื่อเป็นแรงผลักดันในวันที่เจอกับอุปสรรคต่าง ๆ ซึ่งเป็นสูตรที่รวมเอาทุกสูตรความสำเร็จเข้าไว้ด้วยกัน โดยสัญลักษณ์ ½ เปรียบเสมือนการทำตัวเองให้เป็นน้ำครึ่งแก้วพร้อมเปิดรับกับสิ่งใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา และตัวอักษร g ที่ย่อมาจากคำว่า “Grip” ซึ่งหมายถึงความอดทนที่เหล่าน้อง ๆ นักศึกษา และวัยเริ่มทำงานควรมีเพื่อก้าวข้ามขีดจำกัด

ซึ่งทั้งหมดนั่นคือ “Growth Mindset” ที่พร้อมจะอดทนเผชิญหน้ากับความท้าทายเพื่อเรียนรู้สิ่งใหม่อยู่เสมอ และตัวสุดท้ายคือ y3 หรือ วายยกกำลังสาม y ตัวแรกคือการมีทักษะเปรียบเสมือนรูปตัว y ที่รู้ลึกในหลายด้านเพื่อตามให้ทันการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ และ y ตัวที่สอง คือ “Why” การคอยตั้งคำถามกับสิ่งที่ตนเองยังไม่เข้าใจเพื่อเปิดโอกาสให้ตัวเองได้เรียนรู้  และ y ตัวสุดท้าย คือ “Wild” ความกล้าที่จะออกนอกกรอบ เพื่อสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ

นอกจากสูตรลับความสำเร็จการพัฒนาตนเองทั้ง 4 ข้อที่ได้กล่าวมา กลุ่มคนที่กำลังเข้าสู่ตลาดงาน หรือ พนักงานที่เพิ่งเริ่มงาน หรือแม้แต่คนที่ทำงานมานานแล้ว ควรให้ความสำคัญกับการพัฒนาทักษะที่ตนเองยังขาดความเชี่ยวชาญ รวมถึงทักษะใหม่ ๆ ที่กำลังเป็นที่ต้องการในกลุ่มผู้จ้างงาน เพื่อตอบสนองกับโลกที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา

ซึ่งหนึ่งในทักษะที่กำลังเป็นที่ต้องการก็คือ “ทักษะไอที” เนื่องจากหลังจากเกิดกระแสดิสรัปชันต่าง ๆ ขึ้นในไทย ทำให้ภาคธุรกิจส่วนใหญ่หันมาพึ่งพาเทคโนโลยีอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และไม่ว่าจะเป็นสายงานไหน ทักษะด้านไอทีก็จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการทำงานอยู่เสมอ ด้วยเหตุผลดังกล่าว การหมั่นเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ จึงเป็นเรื่องสำคัญ และในปัจจุบันการเรียนรู้นั้นก็ไม่จำกัดอยู่เพียงแค่ในกรอบของห้องเรียนหรือสถานที่ทำงาน แต่ทุกคนสามารถหาความรู้เพิ่มเติมได้ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ