Site icon Thumbsup

เมเจอร์ฯ สู้ศึกคนดูหนังบนมือถือ ดึงหนังเก่ามาฉายซ้ำตามแรงโหวต

แม้ว่าพฤติกรรมของคนรุ่นใหม่จะเป็นการรับชมภาพยนตร์แบบ On demand กันมากขึ้น แต่ธุรกิจโรงหนังก็ยังต้องหาโอกาสในการขยับต่อเนื่อง แม้ว่าจะมีเสียงบ่นว่าราคาของบัตรชมหรือของว่างที่นำเข้าไปรับประทานนั้น จะแพงพอๆ กับเมนูอาหารสักมื้อ แต่การดูหนังก็ถือว่าเป็นอีกหน่ึงกิจกรรมที่ยังต้องมีอยู่ และทางผู้ให้บริการเองก็มองหาโอกาสของการดึงดูดผู้ชมให้มากขึ้น

นรุตม์ เจียรสนอง ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า นโยบายการตลาดของบริษัทฯ จะโฟกัสทำการตลาดแบบ Segmentation มุ่งเน้นการตอบสนองความต้องการของลูกค้าในแต่ละกลุ่ม เนื่องจากลูกค้าของโรงภาพยนตร์เป็นกลุ่มลูกค้าที่มีความหลากหลาย ทั้งวัยรุ่น คนทำงานและครอบครัว ปัจจุบันได้เพิ่มในส่วนของเด็กและกลุ่มผู้สูงอายุมากขึ้นอีกด้วย

ฐานลูกค้ารับชมหนัง

ทางด้านของฐานกลุ่มลูกค้าประเภทต่างๆ ของบัตรสมาชิก M Generation มีจำนวนทั้งสิ้น 4,496,403 ราย แบ่งเป็น

ทั้งนี้ การสร้างตลาดทางเลือกใหม่สำหรับลูกค้ากลุ่มเด็ก ด้วยการเปิดให้บริการโรงภาพยนตร์สำหรับเด็ก Kodomo Kids Cinema ที่ เมกา ซีนีเพล็กซ์ บางนาก็ได้รับการตอบรับอย่างดีจากลูกค้ากลุ่มเด็กและครอบครัวเป็นอย่างมาก ถือว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะช่วยเพิ่มโอกาสเข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ มากขึ้น

กลยุทธ์ Movie On Demand

บริการ “Movie On Demand” จะเป็นการสร้างตลาดทางเลือกใหม่ของกลุ่มคนรักหนัง ภายใต้คอนเซ็ปต์หนังทางเลือกใหม่ตามใจคุณซึ่งเป็นครั้งแรกของโรงภาพยนตร์ในประเทศไทย ที่เปิดโอกาสให้ลูกค้าได้โหวตเลือกชมภาพยนตร์ที่ออกจากโปรแกรมฉายไปแล้ว แต่ยังต้องการชมในโรงภาพยนตร์อีกครั้ง ผ่านทางเว็บไซต์ majorcineplex  ซึ่งเป็นบริการแบบ Exclusive โดยการกดโหวตภาพยนตร์ที่ต้องการชม สาขา และรอบฉายที่ตนเองต้องการ เมื่อโหวตครบ 100 โหวตในแต่ละเรื่อง ภาพยนตร์ที่ลูกค้าเลือกจะถูกนำกลับมาฉายใหม่ใน สาขา วันที่ และรอบเวลาฉายที่ลูกค้าต้องการ

มูวี่ ออน ดีมานต์ จะเป็นหนังทางเลือกใหม่สำหรับกลุ่มลูกค้าที่รักการชมภาพยนตร์ ที่อาจติดปัญหาเรื่องเวลา ไม่สะดวกเดินทางมาดู หรือพลาดดูไม่ทัน ในช่วงที่มีโปรแกรมฉาย แต่ยังมีความต้องการอยากชมภาพยนตร์เรื่องนั้น ซึ่งการรับชมในโรงภาพยนตร์ย่อมได้อรรถรสความบันเทิงมากกว่าการชมที่บ้าน จึงคาดว่า มูวี่ ออน ดีมานต์ จะช่วยขยายฐานลูกค้ากลุ่มคนรักหนังให้เพิ่มขึ้น และยังสามารถช่วยเพิ่ม Admission ได้อีกด้วย

สำหรับการทำการตลาดในปัจจุบัน ต้องมีความรวดเร็ว ปรับได้ทันตามความต้องการ และสามารถสร้างทางเลือกใหม่ ที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าจะช่วยเพิ่มจำนวนลูกค้าและขยายฐานลูกค้าใหม่ ได้มากขึ้น ซึ่งการตลาดแบบ Segmentation จะตอบโจทย์นี้ได้เป็นอย่างดี

สาขาที่เปิดให้บริการ

ปัจจุบัน เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป มีสาขารวมทั้งสิ้น 141 สาขา 733 โรง 166,444 ที่นั่ง เป็นสาขาในประเทศไทย 135 สาขา 705 โรง 159,257 ที่นั่ง (แบ่งเป็นกรุงเทพฯ และปริมณฑล 41 สาขา 333 โรง 75,522 ที่นั่ง ต่างจังหวัด 94 สาขา 367 โรง 83,735 ที่นั่ง) และต่างประเทศ 6 สาขา 33 โรง 7,187 ที่นั่ง (แบ่งเป็นประเทศกัมพูชา 4 สาขา 24 โรง, ประเทศลาว 2 สาขา 9 โรง)

ทางด้านของประเภทภาพยนตร์ให้เลือกโหวต 5 ประเภท คือ Wining-Award Movies หนังรางวัล, Recommended Movies หนังแนะนำ, Hollywood หนังฮอลลีวู้ด, Thai หนังไทย, Asian หนังเอเชีย ญี่ปุ่น, เกาหลี, จีน

โดยจะเริ่มเปิดให้บริการในวันนี้ (18 มิถุนายน 2561) จำนวน 24 สาขา ในกรุงเทพฯ 17 สาขา คือ พารากอน ซีนีเพล็กซ์, ควอเทียร์ ซีเนอาร์ต, เมกา ซีนีเพล็กซ์, เอสพลานาด ซีนีเพล็กซ์ รัชดา และงามวงศ์วานแคราย, อีสต์วิลล์ ซีนีเพล็กซ์, เวสต์เกต ซีนีเพล็กซ์, ซีคอน ซีนีเพล็กซ์, อีจีวี ซีคอน บางแค, เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ รังสิต, ฟิวเจอร์ รังสิต, รัชโยธิน, พระราม 2, พระราม 3, ปิ่นเกล้า, บางกะปิ, แฟชั่น ไอส์แลนด์ และต่างจังหวัด 7 สาขา โคราช ซีนีเพล็กซ์, เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ เซ็นทรัลเฟสติวัล เชียงใหม่, เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ เซ็นทรัลเฟสติวัล หาดใหญ่, เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ เซ็นทรัล อุบลราชธานี, เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ อุดรธานี, เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ เซ็นทรัล ระยอง และเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ อยุธยา ซิตี้ พาร์ค

ถือว่าเป็นการปรับตัวอีกหนึ่งแนวทางของธุรกิจรับชมภาพยนตร์ที่น่าจะตอบโจทย์คนรักหนังได้เป็นอย่างดี เพราะตอนนี้คนส่วนมากติดดูหนังผ่านมือถือ แต่ถ้าโรงภาพยนตร์เข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกมากขึ้น ก็น่าจะช่วยให้คนที่รักการดูหนังอยากกลับมาทำกิจกรรมนี้อีกรอบก็เป็นได้