Site icon Thumbsup

กลุ่มมิตรผลลุย “Techsauce Global Summit 2017” เฟ้นหาสตาร์ทอัป Bio-Based

ถือเป็นอีกหนึ่งความพิเศษของงานสัมมนาด้านเทคโนโลยีระดับโลกที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่าง Techsauce Global Summit 2017 กับการเข้าร่วมเป็นครั้งแรกของบริษัทยักษ์ใหญ่ในธุรกิจน้ำตาลอย่าง “มิตรผล” ซึ่งทีมผู้บริหารตั้งเป้ามามองหาสตาร์ทอัปที่มีนวัตกรรมด้าน Bio-Based ใน 5 สาขาได้แก่ Bio-Based Chemical, Bio-Based Material, Bio-Fertilizer, Food for the Future และ Feed for the Future พร้อมโอกาสในการร่วมมือกับกลุ่มมิตรผลในการต่อยอดผลงานด้านอุตสาหกรรมการเกษตรต่อไปด้วย

คุณประวิทย์ ประกฤติศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มธุรกิจพลังงาน กลุ่มมิตรผลเผยว่า “ทุกวันนี้ สิ่งที่เราเห็นคือ ทุกบริษัทไม่สามารถอยู่ได้ด้วย Business Model เดิม ๆ และทุกบริษัทต้องทำเหมือนกันคือต้องหา High Value Products และหารายได้จากส่วนนั้นให้ได้ ส่วนเส้นทางในการสร้างนั้นคือเราต้องทำเรื่อง Innovation ให้มากขึ้น ซึ่งมันไม่ง่าย มันต้องใหม่ และขายได้ มันต้องมองลูกค้า มองเทคโนโลยี และมองตลาดไปพร้อม ๆ กัน”

คุณประวิทย์ ประกฤติศรี

โดยเหตุผลที่ทำให้บริษัทต้องมุ่งไปในด้านพลังงานนั้นมาจากปัญหาการขาดแคลนทรัพยากรธรรมชาติด้านพลังงาน ตลอดจนปัญหาสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งนำไปสู่การลงทุนในธุรกิจรูปแบบใหม่อย่าง Bio-Based กันมากขึ้น ดังเช่นสำนักงานนโยบายและแผนพลังงานได้ริเริ่มนโยบาย Energy 4.0 ด้วยการต่อยอดพืชพลังงานด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี โดยคาดว่าแผนลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมชีวภาพในระยะ 10 ปีจะมีมูลค่า 4 แสนล้านบาท โดยในระยะที่ 1 (ปี 2560 – 2561) จะมีเม็ดเงินลงทุนมากถึง 51,000 ล้านบาท

สำหรับกลุ่มมิตรผลเองนั้น ที่ผ่านมาได้มีการพัฒนาด้าน Innovation มาโดยตลอด แบ่งได้เป็นสามระดับได้แก่ ระดับ In-House (เป็นกลุ่มที่ใหญ่ที่สุด), ระดับ Joint Venture และการเปิด Open Innovation ให้บุคคลภายนอกเสนอไอเดียเข้ามา แต่ที่น่าสนใจคือ ในการเปิด Open ให้บุคคลภายนอกได้เสนอแนวคิดเมื่อปีที่ผ่านมานั้น พบว่ามีไอเดียที่น่าสนใจมากมายกว่า 300 ผลงาน (แต่มีการคัดเลือกจนได้ผลงานที่คาดว่ามีโอกาสทางธุรกิจ 3 ผลงาน) ซึ่งจุดนี้ ทำให้ทางกลุ่มมิตรผลมองว่า หากขยายโอกาสไปสู่เวทีสัมมนาระดับโลกเช่น Techsauce Global Summit 2017 ที่จะมีผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี สตาร์ทอัป ตลอดจนภาคธุรกิจระดับต่าง ๆ ทั่วโลกเข้าร่วมนั้น ก็อาจเป็นอีกหนึ่งโอกาสที่จะได้พบเจอสตาร์ทอัปด้าน Bio-Based ที่สามารถก้าวต่อไปกับกลุ่มมิตรผลได้นั่นเอง

นั่นจึงเป็นที่มาการจัดเวที Private Pitching Stage ของกลุ่มมิตรผลในงานสัมมนาดังกล่าวในวันที่ 29 กรกฎาคม 2560 ซึ่งคุณประวิทย์กล่าวว่า “ก่อนหน้านี้เคยคิดว่าสตาร์ทอัปด้าน Bio-Based นั้นมีน้อย แต่หลังจากได้เปิดตัวกับเวที Techsauce Global Summit 2017  แล้วก็พบว่า จริง ๆ มันก็มี ส่วนเหตุผลว่าทำไมต้อง Bio-Based  เพราะมิตรผลไม่ว่าอย่างไรก็ต้องปลูกอ้อย และผลิตน้ำตาล แต่สิ่งที่มิตรผลกำลังจะก้าวต่อไปคือ Bio-Based ซึ่งเราไม่มีสูตรสำเร็จ เพราะมันจำเป็นต้องมีการรีเสิร์ช ทำวิจัย”

“การที่เราจับมือกับ Techsauce เนื่องจากเป็นเวทีที่ทำเรื่องของดิจิทัลเยอะมากและได้รับความสนใจในวงกว้าง เพียงแต่รูปแบบของเราคงไม่เหมือนบริษัทยักษ์ใหญ่อื่น ๆ เพราะเราอยากดูความเป็นไปได้ใน 5 ตัวก็คือ Bio-Chemicals, Bio-Material, Bio-Fertilizer, Food for the Future และ Feed for the Future  เป็นหลัก ซึ่งเราพบว่า สตาร์ทอัปไต้หวันเป็นอีกกลุ่มที่มีความสามารถมากในแง่ Bio-Fertilizer ก็อยากให้สตาร์ทอัปที่เข้ามาในงานได้มานั่งคุยกัน”

ทั้งนี้เป็นที่แน่ชัดว่า กลุ่มมิตรผลไม่มีแผนจะตั้งกองทุน แต่จะพิจารณาเป็นรายโปรเจ็คว่ามีโอกาสในการสเกลได้หรือไม่ พร้อมกันนั้น คุณประวิทย์ได้เผยถึงข้อแตกต่างระหว่างสตาร์ทอัปไทยกับต่างชาติเอาไว้อย่างน่าสนใจนั่นคือ เรื่องของเครื่องมือที่ต่างประเทศนั้นไฮเทคกว่า

“เครื่องมือฝรั่งดีกว่าเรา เฉพาะแค่เครื่องมือในการถอดรหัส DNA ที่ต่างประเทศมีขนาดเท่าสนามบาสเก็ตบอล สำหรับใช้ถอดรหัส แต่ของเราไม่ได้เท่าเขา ดังนั้นมันจึงต้องอาศัยเครือข่าย ฝากคนนั้นคนนี้ทำได้ไหม ฝากคนนี้ทำ ได้ไหม” 

“ทำไมต้องถอดรหัส เป็นเพราะเทรนด์ในตอนนี้ก็คือ ทั่วโลกพยายามเลียนแบบ Natural Product ซึ่งการเลียนแบบนั้นใช้การถอดรหัส DNA แต่เทคโนโลยีเหล่านี้ต้องใช้คอมพิวเตอร์ คนทำไม่ไหว นั่นจึงเป็นที่มาว่าเราสู้เขาไม่ได้ในเรื่องเครื่องมือ แต่ในด้านความสามารถอื่น ๆ ถ้าเจอกันตัวต่อตัว ผมว่าคนไทยไม่แพ้นะ และเราก็มีเทคโนโลยีบางตัวที่เหนือกว่าด้วย เช่น เรามียีสต์ที่แข็งแรงกว่า เพราะมันคือยีสต์ที่มาแย่งกินน้ำตาล”

ทั้งนี้ กลุ่มมิตรผลมองว่า ธุรกิจด้าน Bio-Based มีความเชื่อมโยงกับธุรกิจหลักของกลุ่มฯ ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ สำหรับผู้บริโภคและคู่ค้า เกิดเป็นช่องทางรายได้ใหม่ที่จะผลักดันให้เกิดการเติบโตแบบก้าวกระโดด หรือเป็น S-Curve ตัวใหม่นั่นเอง

โดยงานสัมมนาด้านเทคโนโลยีระดับโลกที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่าง Techsauce Global Summit 2017 มีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 28 – 29 กรกฎาคม ณ โรงแรมเซ็นทาคาแกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ พร้อมคาดหมายว่าจะมีผู้เข้าร่วมกว่า 6,000 คน จากทุกภาคส่วน ทั้งสตาร์ทอัประดับโลก, Venture Capitalists, Angel Investors ไปจนถึงองค์กรขนาดใหญ่ เช่น 500 Startups, Samsung, Facebook, Dentsu Inc., EY, Idea Tokyo และ HP