Site icon Thumbsup

มีผู้ใช้จำนวนหนึ่งคิดว่ากำลังถูกแอปพลิเคชัน Facebook ดักฟังบทสนทนาผ่านไมโครโฟน

แม้ Facebook จะบอกว่าไม่ได้แอบฟัง แต่ข่าวลือเรื่องการแสดงผลหน้าไทม์ไลน์ตามสิ่งผู้ใช้เคยพูดผ่านไมโครโฟนกลับมีมากขึ้นเรื่อยๆ 

ความกังวลเกี่ยวกับการถูกแอบฟังเริ่มตั้งแต่ที่ Facebook ในประเทศอเมริกาเปิดตัวฟีเจอร์คล้ายแอปพลิเคชัน Shazam ที่เอาไว้ฟังเสียงเพลง รายการโทรทัศน์ หรือภาพยนต์ แล้วแสดงผลว่ามันคือเพลงไหน หนังหรือรายการอะไร เพื่อแชร์บนสเตตัส

หลังจากนั้น Facebook ก็ต้องออกมาปฏิเสธเรื่อยๆ ว่าไม่ได้แอบฟัง เพราะไม่ว่าจะออกมาพูดอย่างไร คนก็ยังเชื่อว่ากำลังถูกสอดแนมอยู่

ไม่นานมานี้ สถานีข่าวในเครือ NBC มีการทำข่าวเกี่ยวกับการถูกแอบฟังเช่นกัน โดยในเนื้อหาข่าวมีการเล่าเรื่องราวจากประสบการณ์จริง ตัวอย่างเช่น

Kelli ได้เปิดฟีเจอร์ไมโครโฟน แล้วพูดคุยว่าเธอกำลังอยากไปซาฟารีที่แอฟริกา และคงจะฟินมากถ้าได้ขี่รถจี๊ป หลังจากนั้นไม่ถึง 1 นาที บนหน้าฟีดของเธอก็ขึ้นข้อมูลเกี่ยวกับซาฟารีที่ถูกโพสต์ไว้ตั้งแต่ 3 ชั่วโมงที่แล้ว และโฆษณารถจี๊ปก็ขึ้นมาในหน้าไทม์ไลน์เช่นกัน

นอกจากนี้ในเว็บไซต์ Reddit ก็มีผู้ใช้เข้ามาแชร์ประสบการณ์เช่นเดียวกัน ตัวอย่างเช่น มีสามีภรรยาคู่หนึ่งพูดเรื่องทำประกันให้ลูก วันรุ่งขึ้นใน Facebook ของผู้หญิงก็แสดงผลเกี่ยวกับประกันของลูกเต็มไปหมด โดยที่เธอไม่ได้แม้แต่โพสต์เสตตัสเกี่ยวกับเรื่องนี้

นอกจากนี้ยังมีเรื่องราวอื่นๆ เช่น

ทางด้าน Facebook เองก็ไม่ได้อยู่เฉย เมื่อวันที่ 2 มิถุนายนที่ผ่านมามีการประกาศว่า

Facebook ไม่ได้ใช้ไมโครโฟนเพื่อแสดงผลโฆษณาหรือปรับเปลี่ยน News Feed ในช่วงที่ผ่านมามีข้อความเกี่ยวกับการดักฟังบทสนทนาเพื่อแสดงผลโฆษณา ซึ่งนั่นไม่ใช่เรื่องจริง ปกติ Facebook มีการแสดงผลผ่านความสนใจ และข้อมูลที่ผู้ใช้ให้ไว้ในประวัติ ไม่ใช่จากการดักฟัง และจะเชื่อมต่อกับไมโครโฟนก็ต่อเมื่อได้รับอนุญาตจากผู้ใช้เท่านั้น

ที่มา : techinsider