Site icon Thumbsup

เล่นแล้วหรือยัง..จอยักษ์อินเทอร์แอคทีฟจาก PlanB ที่ดอนเมือง “ถ่ายรูป – Social – ชาร์จมือถือ” ได้

หากใครได้มีโอกาสเดินทางไปยังสนามบินดอนเมืองในระยะนี้อาจได้เห็นของเล่นใหม่ในรูปแบบของหน้าจอทัชสกรีนขนาดยักษ์ พร้อมเทคโนโลยีอินเทอร์แอคทีฟเต็มรูปแบบให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูป และเปลี่ยนฉากหลังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ เพื่อแชร์ลง Social Media ได้ แถมยังสามารถค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับการท่องเที่ยวได้ผ่านจอนี้อีกด้วย

ถือเป็นการปลุกตลาดสื่อโฆษณานอกบ้าน (OOH) ที่น่าสนใจอีกรูปแบบหนึ่งของค่าย “แพลนบี ไบรท์ สกาย มีเดีย” โดยทางบริษัทมองว่านอกจากสื่อโฆษณานอกบ้านตามพื้นที่รถไฟฟ้า หรือตามสี่แยกหน้าห้างสรรพสินค้าที่เป็นโลเคชั่นยอดนิยมแล้ว  พื้นที่ในสนามบินก็เป็นอีกหนึ่งจุดที่น่าจับตามอง เพราะผู้บริโภคสมัยนี้นิยมการเดินทางท่องเที่ยวเป็นชีวิตจิตใจ

ทางบริษัทจึงยื่นขอสัมปทานพื้นที่เพื่อติดตั้งจอขนาด 82 x 75 นิ้ว จำนวน 102 จอในสนามบินดอนเมืองและอีก 22 สนามบินทั่วประเทศ ภายใต้งบประมาณ 100 ล้านบาท โดยเป็นจอ LED ทัชสกรีนจำนวนทั้งสิ้น 20 จอ พร้อมจุดสังเกตด้วยคำว่า Touch Me

นอกจากนี้ยังได้ร่วมมือกับสามพันธมิตรอย่าง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.), Wongnai และ Sanook ในการนำเสนอข้อมูล รวมถึงฟังก์ชั่นสิทธิพิเศษต่างๆ และโปรแกรมการถ่ายรูปที่สามารถเปลี่ยนฉากหลัง – แต่งรูปเพิ่มได้ อีกทั้งยังมี Mobile Charging Station บริการชาร์จมือถือฟรี จำนวนกว่า 170 จุดด้วย

วีรวัฒน์ สิงหมณี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไบรท์ สกาย มีเดีย จำกัด กล่าวว่า แนวโน้มการเติบโตของสื่อโฆษณาในสนามบินจะสูงขึ้นเรื่อยๆ เพราะคนยุคใหม่เดินทางมากขึ้น แต่โฆษณาในยุคนี้ต้องมีทั้ง Innovation และ Function จึงจะตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ จึงต้องหานวัตกรรมในการนำเสนอมาใช้งาน

ด้าน ปรินทร์ โลจนะโกสินทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แพลน บี มีเดีย จำกัด (มหาชน) ได้เสริมว่า ” โจทย์ใหญ่ในตอนนี้ก็คือผู้ประกอบการต้องหามูลค่าใส่ลงไปในโฆษณานั้นๆ ให้ดึงดูดผู้บริโภคให้ได้ สื่อโฆษณาจอยักษ์ในสนามบินดอนเมืองจึงมีฟรีไวไฟ ชาร์จแบตเตอรี่โทรศัพท์ได้ และมีเทคโนโลยี iBeacon ด้วย”

อย่างไรก็ดี จากข้อมูลของสมาคมมีเดียเอเจนซี และธุรกิจสื่อแห่งประเทศไทย (Media Agency Association of Thailand หรือ MAAT) ได้ออกมาคาดการณ์ถึงตลาดสื่อโฆษณานอกบ้านในปี 2017 โดยระบุว่าอาจปรับตัวลดลงจากปีก่อนหน้า 8% จากเดิมที่ 3,924 ล้านบาท เหลือ 3,610 ล้านบาท ซึ่งในสถานการณ์เช่นนี้ เราอาจต้องมารอดูกันว่า ทิศทางการใช้สื่อโฆษณา OOH จะเป็นดั่งคำคาดการณ์นั้นหรือไม่