Site icon Thumbsup

บทเรียนโซเชียลที่แบรนด์ควรรู้ จากกรณี Prada ขาย “คลิปหนีบเงิน” ราคา 6,300 บาท

ถูกชาว Twitter ถล่มล้อเลียนตั้งแต่ต้นสัปดาห์ สำหรับแบรนด์แฟชันหรู Prada ที่ประกาศขายสินค้าใหม่คือ Money Clip สำหรับใช้หนีบธนบัตร แต่เพราะดีไซน์ที่มองเหมือนคลิปหนีบกระดาษอันใหญ่แสนธรรมดา ทำให้ชาวโซเชียลรับไม่ได้ พร้อมใจล้อเลียนวิจารณ์เละเทะว่า Prada ตั้งใจหลอกขายคลิปหนีบกระดาษให้คนรวยในราคา 185 เหรียญสหรัฐหรือประมาณ 6,300 บาท ปรากฏการณ์นี้สามารถเป็นบทเรียนให้แบรนด์ได้อย่างน้อย 3 เรื่อง

ต้นเหตุของกรณี Prada นี้คือสินค้าชื่อ Paperclip-Shaped Money Clip ซึ่งประกาศขายแล้วในราคา 185 เหรียญสหรัฐตั้งแต่วันที่ 23 มิถุนายนที่ผ่านมา ราคาไม่ธรรมดานี้สวนทางกับดีไซน์แสนธรรมดาที่ชวนให้เข้าใจว่า Prada กำลังขายคลิปหนีบกระดาษราคา 6,300 บาทต่ออัน ชาว Twitter จึงเหน็บแนมว่าใครที่สนใจคลิปหนีบกระดาษนี้ต้องเป็นคนรวยสุดขีด

ประเด็นแรกที่แบรนด์ควรมองจากกรณีที่เกิดขึ้น คือรูปถ่ายบนโลกโซเชียลไม่สามารถชูความสมเหตุสมผลของสินค้า

ไม่ว่าใครจะมองอย่างไร แต่คนบางกลุ่มเชื่อว่า Money Clip นั้นเป็นสินค้าที่ผู้นิยมพกพาเงินสดอาจให้ความสนใจใช้งาน เช่นกรณีของนักมวย Floyd Mayweather ที่ถ่ายรูปเงินถูกหนีบในคลิปหนีบกระดาษขึ้น Instagram โชว์ทั่วโลก (ขณะที่อาม่าในไทยยังใช้หนังยางรัดแบงก์) ตลาดนี้ถือว่ามีความต้องการ และการออกสินค้าเพื่อตอบโจทย์คนกลุ่มนี้จึงไม่ใช่เรื่องแปลก

แต่สิ่งที่ Prada สอบตกคือการไม่สามารถบอกชาวโซเชียลได้ว่าคลิปนี้ถูกออกแบบให้ใหญ่เหมาะกับการจัดการธนบัตร ขณะเดียวกันก็ใช้วัสดุหรูหราที่ไม่ซีดหมอง แวววาวหรูดูดี และที่สำคัญคือสามารถเสียบเงินลงกระเป๋าเงินซ้อนอีกครั้งได้โดยไม่ต้องห่วงว่าคลิปจะข่วนเข้ากับกระเป๋า

คลิปนี้จึงควรค่าแก่การขายในราคาที่ไม่ธรรมดา (ฟังดูสมเหตุสมผลขึ้นไหม?)

ประเด็นที่ 2 คือการจำหน่ายสินค้าราคาแพงที่มีหน้าตาเหมือนของใช้ทั่วไปราคาถูกนั้นเป็นเรื่องเสี่ยง ไม่ว่าจะใช้วัสดุดี ตัดเย็บหรือผลิตขึ้นด้วยความละเอียดเพียงใด แต่ก็จะเสี่ยงถูกวิจารณ์หรือล้อเลียนโดยชาวโซเชียล

กรณีนี้ไม่ต่างจากกระเป๋าสีฟ้าของ Balenciaga ที่สร้างกระแสไปแล้วก่อนหน้านี้

ประเด็นที่ 3 หนีไม่พ้นการไม่ต้องเสียเงินโฆษณา แต่มีชาวโซเชียลช่วยส่งต่อรูปสินค้าให้แบรนด์แบบฟรีๆ ซึ่งสินค้าที่ตกเป็นข่าวนี้ทำให้แบรนด์ Prada กลับมาเป็นที่กล่าวขานในตลาดแฟชันอีกครั้ง อย่างน้อยก็ในแง่ของความกล้าที่เปิดตัวสินค้านี้แบบไม่แคร์ใคร

ไม่แน่ อาจมีหลายคนที่อยากครอบครองสินค้าที่เป็นข่าวไปทั่วโลกเพิ่มขึ้นด้วย

ที่มา: HindustanTimes