Site icon Thumbsup

รู้จัก 6 แบรนด์ชั้นนำของโลกที่แสนสิริลงทุนด้วยมูลค่า 80 ล้านเหรียญสหรัฐ

คุณเศรษฐา ทวีศิลป์ (กลาง) และผู้บริหารจาก 6 บริษัทชั้นนำที่แสนสิริร่วมลงทุน

แสนสิริ เปิดแผนการลงทุนมูลค่า 80 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 2,800 ล้านบาทใน 6 ธุรกิจด้านเทคโนโลยีและไลฟ์สไตล์ชั้นนำของโลกอย่าง Standard International – One Night – Hostmaker – JustCo – Farmshelf – Monocle แล้ว โดยทั้ง 6 ธุรกิจล้วนมีอัตราการเติบโตสูงในตลาดโลกซึ่งจะเป็นแหล่งรายได้ใหม่ของแสนสิรินอกประเทศไทย

ถือเป็นการขยายฐานการลงทุนในธุรกิจอื่นครั้งสำคัญของแสนสิริด้วยกลยุทธ์โมเดลธุรกิจแบบ asset light โดยมูลค่าที่เพิ่มขึ้นของบริษัททั้งหกจากการเข้าถือหุ้นของแสนสิริจะส่งผลดีต่อธุรกิจหลักของแสนสิริ อีกทั้งยังสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของแสนสิริที่มุ่งให้ความสำคัญกับการใช้ชีวิตในอนาคตที่ครอบคลุมทั้งแนวทางการดำเนินชีวิต การทำงาน การพักผ่อนหย่อนใจ และการเรียนรู้ผ่านเทคโนโลยีและสื่อรูปแบบใหม่ ๆ ด้วย

นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน)

นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “การเติบโตของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย สอดคล้องกับการเติบโตของจีดีพี ซึ่งการเติบโตในระดับที่ไม่สูงนัก แต่แสนสิริวางเป้าหมายการเติบโตในระดับสูง และการลงทุนครั้งนี้นับเป็นการพัฒนาที่อยู่นอกเหนือธุรกิจหลักของเราเป็นครั้งแรก เรากำลังขยายธุรกิจสู่ตลาดโลกและมุ่งลงทุนในธุรกิจที่มีศักยภาพที่ดีในการสร้างรายได้ใหม่ ๆ จากธุรกิจที่มีความเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ และอาศัยพันธมิตรในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของเราไปพร้อม ๆ กัน”

“ก้าวสำคัญต่อไปของเราคือการมุ่งตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภคโดยการสร้างสรรค์แพลตฟอร์มระดับโลกที่เกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ ซึ่งจะผลักดันให้แสนสิริก้าวสู่ความเป็นแบรนด์ระดับโลก เป็นผู้นำในด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม รวมทั้งการผนึกกำลังร่วมกับพันธมิตรที่หลากหลายยังนับเป็นการพลิกโฉมแสนสิริเพื่อสร้างการเติบโตสู่อนาคต โดยให้ความสำคัญใน 3 ด้านคือ 1. การลงทุนเชิงกลยุทธ์ในแบรนด์ไลฟ์สไตล์ระดับโลก 2. การพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการพักอาศัย หรือ PropTech ร่วมกับผู้พัฒนาเทคโนโลยีชั้นนำ และ 3. การเสริมสร้างบทบาทความเป็นผู้นำและขยายฐานกลุ่มเป้าหมายผ่านสื่อไลฟ์สไตล์ระดับพรีเมียม” นายเศรษฐาเสริม โดยธุรกิจที่แสนสิริร่วมลงทุนครั้งนี้ประกอบด้วย

อามาร์ ลาลวานี่ ซีอีโอและ Managing Partner สแตนดาร์ด อินเตอร์เนชั่นแนล

Standard International 

The Standard (เดอะ สแตนดาร์ด) ธุรกิจบูติกโฮเทลที่มีโรงแรมในเครือทั้งหมด 5 แห่ง ในนิวยอร์ก ลอสแอนเจลิส และไมอามี และโรงแรมแห่งใหม่ที่กำลังจะเปิดเร็วๆ นี้ในลอนดอน ด้วยการลงทุนมูลค่า 58 ล้านดอลล่าร์ แสนสิริจะเป็นผู้ถือหุ้น 35% ในสี่กลุ่มธุรกิจของ Standard International ประกอบด้วย The Standard Hotel Operations and Management, Bunkhouse Group, แอพพลิเคชั่น One Night และธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มของโรงแรม

แผนการลงทุน การลงทุนครั้งนี้จะใช้เป็นเงินลงทุนในโรงแรมใหม่ ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มใหม่ และในการพัฒนานวัตกรรมแอปพลิเคชั่น One Night สำหรับการจองโรงแรมแบบนาทีสุดท้าย (Last minute booking) เพื่อเข้าพักในวันเดียวกันโดยมีโรงแรมไลฟ์สไตล์ที่คัดสรรมาแล้วจากทั่วโลกให้เลือก

จิมมี่ ซูฮ์ ประธานบริหาร One Night

One Night 

One Night เป็นแอปพลิเคชั่นสำหรับการจองโรงแรมที่พัฒนาขึ้นโดยบริษัท สแตนดาร์ด อินเตอร์เนชั่นแนล กลุ่มบริษัทเจ้าของบริษัท เดอะ สแตนดาร์ด โฮเท็ล กรุ๊ป และเป็นแพล็ตฟอร์มการจองโรงแรมระบบแรกซึ่งออกแบบโดยบริษัทโรงแรมเอง One Night คือแพลตฟอร์มที่ใช้งานบนเครือข่ายโมบายล์ซึ่งสร้างรายได้จากการเติบโตอย่างรวดเร็วของการจองโรงแรมบนเครือข่ายโมบาย

แผนการลงทุน แสนสิริจะช่วยส่งเสริมให้ One Night พัฒนาได้อย่างเต็มศักยภาพและเติบโตในตลาดนานาชาติ โดยเฉพาะในเอเชีย

นกุล ชาร์มา ผู้ก่อตั้ง และซีอีโอ Hostmaker

Hostmaker 

Hostmaker คือบริษัทผู้ให้บริการบริหารการเช่าที่พักอาศัยและผู้บริหารการจองที่พักอันดับหนึ่งของ Airbnb ซึ่งแสนสิริเล็งเห็นถึงเทรนด์ home-sharing หรือการแบ่งที่พักอาศัยให้เช่ากำลังเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว และจะส่งผลให้บริการด้านบริหารที่พักอาศัยเติบโตขึ้นตามไปด้วย Hostmaker ดำเนินธุรกิจในลอนดอน โรม ปารีส และบาเซโลน่า โดยให้บริการลูกค้าผู้พักอาศัยมาแล้วกว่า 150,000 คนทั่วโลก

แผนการลงทุน Hostmaker จะขยายธุรกิจสู่เอเชียภายใต้การสนับสนุนของแสนสิริ ซึ่งจะเป็นการเสริมสร้างรายได้ใหม่ ๆ จากตลาดนอกประเทศไทยให้กับแสนสิริ

วัน ซิง คง ซีอีโอ และผู้ก่อตั้ง JustCo

JustCo 

JustCo คือ ผู้ให้บริการ Co-Working Space ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ปัจจุบันเปิดให้บริการทั้งหมด 11 แห่ง และมีแผนจะเปิดสาขาใหม่อีก 20 แห่งในในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในปี 2561 แสนสิริเล็งเห็นว่าในอนาคต องค์กรขนาดใหญ่จะหันมาใช้สถานที่ทำงานแบบ Co-Working Space มากขึ้นเพื่อส่งเสริมให้พนักงานเกิดพลังสร้างสรรค์ การผสมผสานทางความคิด และพัฒนาความสัมพันธ์ที่ดี จึงนำไปสู่แผนการลงทุนที่ แสนสิริและ JustCo จะเปิดตัว JustCo สาขาใหม่ 4 แห่งในกรุงเทพฯ ในปี 2561 รวมทั้งขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น จาการ์ต้า กัวลาลัมเปอร์ โฮจิมินซิตี้ และมะนิลา ซึ่งคาดว่าจะสามารถขยาย Co-Working Space ได้ครบ 30 แห่งทั่วเอเชียแปซิฟิกภายในปี 2561

แอนดรู เชียเรอร์ ซีอีโอ Farmshelf

Farmshelf 

Farmshelf คือผู้สร้างสรรค์นวัตกรรมการเพาะปลูกแบบอัตโนมัติผ่านแอปพลิเคชันและ AI ซึ่งช่วยให้ทุกคนสามารถปลูกผักเพื่อการบริโภคได้ง่ายดายภายในบ้านหรือที่ทำงาน แสนสิริลงทุนใน Farmshelf เนื่องจากเล็งเห็นถึงการเติบโตอย่างรวดเร็วของธุรกิจด้านสุขภาพ และแนวโน้มของผู้บริโภคที่มีความต้องการอาหารคุณภาพที่สดใหม่ รวมทั้งปรากฏการณ์การพักอาศัยแบบร่วมมือแบ่งปันกัน (collaborative living)

แผนการลงทุน Farmshelf มีโอกาสทางธุรกิจอันมหาศาลเพื่อการนำไปใช้ในโครงการที่พักอาศัยต่าง ๆ ของแสนสิริ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้ลูกบ้าน การร่วมเป็นพันธมิตรครั้งนี้คือโอกาสสำคัญในการขยายธุรกิจให้เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วในภูมิภาคเอเชีย

ไทเลอร์ บรูเล่ ผู้ก่อตั้ง Monocle

Monocle 

ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ของอุตสาหกรรมสื่อในระหว่างทศวรรษที่ผ่านมา Monocle กลับสามารถสร้างความสำเร็จด้วยการนำเสนอประสบการณ์แบบลักชัวรี่ผ่านสื่อสิ่งพิมพ์ ผสมผสานกับการเป็นผู้บุกเบิกในการใช้สื่อเสียง ร้านค้ารีเทล และบริการโรงแรมที่พัก ความเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงคุณค่าของแบรนด์และการสื่อสารอย่างเปี่ยมคุณภาพของ Monocle ได้กลายเป็นบรรทัดฐานใหม่ของอุตสาหกรรมสื่อสิ่งพิมพ์ทั่วโลกไปแล้ว

แผนการลงทุน Monocle จะทำหน้าที่ส่งเสริมแบรนด์แสนสิริและพันธมิตรให้โดดเด่นยิ่งขึ้น โดยช่วยกำหนดและวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภค เชื่อมโยงสู่กลุ่มลูกค้าของ Monocle ในตลาดนานาชาติโดยอาศัยฐานธุรกิจที่มีอยู่ทั่วโลก และยังเล็งเห็นถึงโอกาสสำคัญในการพัฒนาธุรกิจที่ใช้ชื่อแบรนด์ร่วมกันในเซกเตอร์ใหม่ในอนาคต นอกจากนี้แสนสิริยังมีแผนในการพัฒนาโครงการที่พักอาศัยแบบมิกซ์ยูสแนวคิดใหม่ร่วมกับ Monocle ในกรุงเทพฯ ในปี 2561

“ธุรกิจหลักของเรายังคงเป็นการพัฒนาและสร้างสรรค์ที่พักอาศัย แต่จุดมุ่งหมายของเราขยายกว้างขึ้นสู่ความมุ่งมั่นในการยกระดับคุณภาพชีวิตผู้คน ตั้งแต่บ้านที่เราพักอาศัย สู่วิถีในการเดินทาง และอาหารการกินที่สดใหม่ที่สุด แสนสิริและพันธมิตรของเราจะมุ่งมั่นร่วมกันสรรสร้างวิถีแห่งการใช้ชีวิต การทำงาน การเรียนรู้ และการพักผ่อนหย่อนใจเพื่อวันข้างหน้าที่ดีขึ้น” นายเศรษฐากล่าวปิดท้าย