Site icon Thumbsup

เปิดกลยุทธ์ครึ่งปีหลัง ทำไมแสนสิริต้อง “Transformation”

 

คุณอภิชาติ จูตระกูล

แสนสิริ ประกาศผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก ทำยอดขายกว่า 15,000 ล้านบาทจาก 3 โครงการ พร้อมเปิดแผนธุรกิจครึ่งปีหลัง ชู  “Sansiri Transformation” เป็นกลยุทธ์หลักในการขับเคลื่อนองค์กร รวมถึงการเปิดตัว 4 แม่ทัพใน แม่ทัพด้านการเงิน – การบริหารโครงการ –การตลาด และเทคโนโลยี แต่ที่น่าสนใจก็คือการนำหุ่นยนต์เดลิเวอรี “น้องแสนดี” มาโชว์ว่าพัฒนาเสร็จสมบูรณ์แล้ว และพร้อมให้บริการกับลูกค้าในโครงการ The Monument สนามเป้าแน่ในปลายปีนี้ 

ผ่านครึ่งปีแรกมาแล้วกับยอดขายรวมกว่า 15,000 ล้านบาท จากเป้าหมายทั้งหมดของปีที่ 36,000 ล้านบาท (เหลืออีกประมาณ 20,000 ล้านบาทให้ต้องทำต่อ) และจำนวนโครงการที่เปิดไป 3 โครงการจากทั้งหมดที่ตั้งเป้าไว้ 19 โครงการ ส่งผลให้ในครึ่งปีหลัง ทางแสนสิริได้มีการจัดทัพใหม่เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเปิดตัวในอีก 16 โครงการ (คอนโดมิเนียม 7 โครงการ บ้านเดี่ยว 8 โครงการ และทาวน์เฮาส์ 1 โครงการ) เพื่อให้บริษัทบรรลุเป้าหมายด้านยอดขายที่วางเอาไว้ผ่านแผน “Sansiri Transformation”

โดย 4 แม่ทัพที่จะเข้ามารับหน้าที่สำคัญกับภารกิจในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2560 ได้แก่ (จากซ้ายไปขวา)

คุณอภิชาติ จูตระกูล ประธานอำนวยการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เผยว่า “Sansiri Transformation เป็นก้าวสำคัญของแสนสิริในการก้าวสู่ Global Property ซึ่งเราต้องปฏิวัติองค์กรในเชิงรุก จึงเป็นที่มาของแผนในการ Transformation ดังกล่าว”

โดยในส่วนของการ Transformation นั้น ได้มีการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีในหลายด้าน เช่น ในด้านการเงินที่มีการใช้ dashboard ที่สามารถเรียกดูข้อมูลตัวเลขในการพัฒนาโครงการต่างๆ ได้ทันที เพื่อให้สามารถ Monitor และควบคุมด้านการเงินได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ หรือในด้านการตลาดที่จะปรับแผนกลยุทธ์ไปสู่ Customer Living Experience ที่สามารถทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับมุมมองด้านไลฟ์สไตล์และความต้องการของลูกค้า (customer-centric) และแบ่งแยก Segmentation ของลูกค้าให้ชัดเจนยิ่งขึ้น รวมทั้งเน้นการใช้สื่อดิจิทัลในการสื่อสารกับลูกค้า ทำให้สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้ตรงกลุ่มและหลากหลายมากขึ้น ทั้งผู้บริโภคในไทยและต่างประเทศ

ส่วนในด้านเทคโนโลยีนั้น ด้วยไลฟ์สไตล์ของลูกค้าที่เปลี่ยนไปสู่ยุค Digital แสนสิริจึงมีการนำเทคโนโลยีมาใช้สร้างจุดขายและสร้างความแตกต่างในตลาดอสังหาริมทรัพย์ เช่น หุ่นยนต์ส่งของ, ระบบสั่งการด้วยเสียง และ IoT ต่าง ๆ

คุณอุทัย อุทัยแสงสุข

ด้านคุณอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฎิบัติการของแสนสิริกล่าวว่า “ความสำเร็จของแสนสิริในช่วงครึ่งปีแรกมาจากการรุกตลาดต่างประเทศอย่างจีนแผ่นดินใหญ่ ฮ่องกง ญี่ปุ่น สิงคโปร์ ไต้หวัน อย่างต่อเนื่อง โดยมีฐานลูกค้าอยู่ที่กว่า 2,000 ราย และบางรายเริ่มกลับมาซื้อเป็นครั้งที่สอง และสามแล้ว”

“โดยในช่วงครึ่งปีแรก สามารถทำยอดขายได้ถึง 3,700 ล้านบาท คิดเป็น 46% ของเป้ายอดขายต่างชาติที่วางไว้เป็น 8,000 ล้านบาท โดยโครงการที่ได้รับความนิยมจากกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติมากที่สุด ได้แก่ โครงการคอนโดมิเนียมภายใต้ความร่วมมือระหว่างแสนสิริและบีทีเอส “แบรนด์ เดอะ ไลน์” เช่น โครงการเดอะ ไลน์ สุขุมวิท 101 โครงการ และเดอะ ไลน์ พหลฯ – ประดิพัทธ์ รวมถึงโครงการเดอะ เบส พัทยากลาง ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีจากลูกค้าชาวฮ่องกงและ จีน ลูกค้าชาวสิงคโปร์ และลูกค้าชาวไต้หวัน”

อีกปัจจัยที่สำคัญคือ การเปิดตัวโครงการ 98 WIRELESS มูลค่าโครงการรวม 8,700 ล้านบาท ซึ่งนับเป็น Flagship คอนโดมิเนียมของแสนสิริที่เปิดการขายอย่างเป็นทางการในช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 60% รวมถึงมียอดโอนแล้วกว่า 50%

เปิดตัวน้องแสนดี ให้บริการที่ เดอะ โมนูเมนต์ สนามเป้า

น้องแสนดี หุ่นยนต์ส่งของที่สามารถปฏิบัติงานได้ด้วยตัวเอง ผลงานการพัฒนาของแสนสิริ

การ Transformation ของแสนสิริในครั้งนี้ยังรวมถึงการนำหุ่นยนต์ “น้องแสนดี” มาให้บริการกับลูกค้าในโครงการ The Monument สนามเป้าเป็นแห่งแรกด้วย ก่อนจะขยายไปยังโครงการอื่น ๆ โดยจุดประสงค์หลักของหุ่นยนต์นั้นคือการส่งของให้กับลูกบ้าน ซึ่งในจุดนี้ ดร. ทวิชา ตระกูลยิ่งยง ประธานผู้บริหารสายงานเทคโนโลยีและวิเคราะห์ข้อมูลเผยว่า ในต่างประเทศ การปรับใช้หุ่นยนต์ส่งของนั้นเป็นที่แพร่หลาย และได้รับความนิยมอย่างมากจากผู้บริโภค ซึ่งผู้บริโภคชาวไทยก็เป็นกลุ่มที่เปิดรับเทคโนโลยีจากต่างชาติได้อย่างรวดเร็วไม่แพ้กัน จึงมองว่าน่าจะตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้ดี

นอกจากเรื่องของการนำหุ่นยนต์แสนดีมาให้บริการกับลูกบ้านแล้ว  คุณทวิชาก็เผยว่า ขณะนี้ทางบริษัทกำลังอยู่ระหว่างการเจรจากับบริษัทเทคโนโลยีจากต่างประเทศหลาย ๆ รายถึงการนำ “เทคโนโลยีการสั่งการด้วยเสียง” มาปรับใช้ โดยคาดว่าจะมีความชัดเจนมากขึ้นว่าจะเป็นรายใดในช่วงปลายปีนี้ด้วย 

แอปพลิเคชัน Home Service สำหรับให้บริการลูกบ้าน โดยมีทั้งระบบ iOS และ Android

“ทั้งนี้จากผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรกของบริษัทที่เติบโตขึ้นเกือบ 20% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ผนวกกับภาพรวมแผนธุรกิจของแสนสิริในการก้าวสู่ Sansiri Transformation อย่างเต็มรูปแบบโดยทีมผู้บริหารที่แข็งแกร่ง รวมถึงปัจจัยอื่นๆ ที่เกื้อหนุนต่อการเติบโตขององค์กร แสนสิริจึงมั่นใจกว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้สำหรับปีนี้คือ 36,000 ล้านบาทได้อย่างแน่นอน” นายอภิชาติ กล่าวปิดท้าย