Site icon Thumbsup

[Campaign Watch] แสนสิริ X Bar-B-Q Plaza แคมเปญการจับมือครั้งใหม่ที่สร้างกระแสไปทั่วโลกออนไลน์

เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งแคมเปญที่น่าสนใจในช่วงที่หลายธุรกิจยังไม่กล้าเปิดตัวใหญ่มากนัก สำหรับความร่วมมือกันระหว่าง แสนสิริ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เบอร์ต้นของประเทศไทย กับ บาร์บีคิว พลาซ่า ร้านอาหารปิ้งย่างชื่อดังของไทย ในการร่วมมือกันสร้างโอกาสใหม่ทางธุรกิจ เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าสำหรับอนาคต

ทำไมถึงคิดว่าแคมเปญนี้สนุก? ท่านผู้อ่านหลายคนอาจจะรู้สึกว่าการร่วมมือของแบรนด์หรือการเป็นพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจก็เป็นเรื่องปกติของการทำงานและในหลายอุตสาหกรรมเค้าก็ร่วมมือกันอยู่แล้ว การเปิดตัวครั้งนี้จะแปลกยังไง?

ที่ผู้เขียนมองว่าแคมเปญนี้สนุก มันเริ่มมาตั้งแต่การส่งหมายเชิญนักข่าวและกระจายข่าวให้แก่ชาวโลกได้ลุ้นแล้วว่า จะเกิดแคมเปญนี้ขึ้น หากกดเข้าไปดูในแฮชแท็ก #แสนสิริXGONกระจายความสุข จะเห็นภาพของเหล่านักข่าวที่เป็นคนเบื้องหลัง เพจและอินฟลูเอนเซอร์มากมาย ต่างพร้อมใจกันสร้างปรากฏการณ์ แชร์ให้โลกรู้พร้อมติดแฮชแท็กนี้ให้เห็นบนเฟสบุ๊กอย่างเปิดเผยเต็มไปหมด

ถามว่าโพสต์เหล่านี้ได้อะไร? ทั้งที่บุคคลเหล่านี้ยังไม่ทราบว่าทั้งสองแบรนด์กำลังจะทำอะไร และไม่รู้ว่ามูลค่าของการใช้งบโปรโมทในกลุ่มคนเหล่านี้ (แบบไม่ต้องยิงแอด) จะได้กลับคืนมาเท่าไหร่ แต่อย่างน้อยการบอกต่อของคนเหล่านี้ก็ได้สร้างกระแสให้กับทั้งสองแบรนด์ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ให้คนในโซเชียลเริ่มอยากรู้แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้น และการสร้างแคมเปญแบบนี้ช่วยเรียกความสนุกในกลุ่มคนที่เห็นและสร้างการกดติดตามเพจของแบรนด์เพิ่มขึ้น

แคมเปญนี้คืออะไร

เมื่อหลายคนเห็นภาพกิจกรรมการเชิญสื่อในธุรกิจต่างๆ แล้ว สิ่งที่คนสนใจที่จะรับชมต่อก็คือ แคมเปญนี้คืออะไร เพราะการร่วมมือกันของทั้งสองแบรนด์ที่อยู่ต่างอุตสาหกรรมนั้น ย่อมสร้างความอยากรู้ในกลุ่มที่เห็นฟีดว่าคืออะไร ทำไมคนถึงพูดถึง สำหรับแคมเปญการร่วมมือกันนี้ ชื่อว่า แสนสิริ บาร์บีคิวพลาซ่า กระจายความสุข” 

เมื่อถามว่ากระจายความสุขอย่างไร ผู้บริหารของทางบาร์บีคิวพลาซ่า คุณบุณย์ญานุช บุญบำรุงทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายสร้างโอกาสทางการตลาดกลุ่มธุรกิจอาหาร บริษัท ฟู้ดแพชชั่น จำกัด บอกกลางงานแถลงข่าวว่า การร่วมมือกันไม่ใช่แค่จ่ายเงินซื้อ Licencing พี่บาร์บีก้อนไปทำการตลาดเชิงภาพลักษณ์แล้วจบ

แต่จะเป็นการขายของร่วมกัน นั่นคือ เราจะเห็นภาพของพี่บาร์บีก้อนไปติดอยู่ในโครงการบ้านของแสนสิริ ที่ใครเห็นก็จะรู้สึกถึงความน่ารักของแบรนด์มากขึ้นกว่าเดิม เพราะถ้าพูดถึงภาพประกอบโครงการบ้านแล้วละก็ ไม่ว่าโครงการไหนก็จะเน้นความสวยงาม สะดวกสบาย มีสไตล์หรูหราตามความชอบของแต่ละโครงการ แต่พอใส่พี่ก้อนลงไปทำให้ภาพลักษณ์ของบ้านนั้นดูน่ารักและเป็นกันเอง ตามคาแรคเตอร์ของพี่ก้อนนั่นเอง (ความน่ารักแบบที่ ณเดชน์ ก็สู้ไม่ได้นะจ้ะ อันนี้ผู้บริหารเค้าบอกมาว่า คาดหวังว่าจะปั้น Licensing “บาร์บีกอน” เสมือน “ณเดชน์” ที่มีความหล่อ น่ารัก ใครเห็นก็มีแต่รอยยิ้มและความสุข แต่เราว่าน่ารักทั้งคู่)

ส่วนทางแสนสิริเอง คุณชลีรัตน์ ต่อจรัส ผู้อำนวยการ ฝ่ายบริการลูกค้าสัมพันธ์และองค์กร บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) บอกว่า ปกติบริษัทมีความร่วมมือแต่กับพาร์ทเนอร์ในสายงานใกล้เคียงกัน เช่น บริษัททำความสะอาด บริษัทเฟอร์นิเจอร์ บริษัทก่อสร้าง แต่พอช่วงโควิด-19 แล้วได้ลองทำแคมเปญร่วมกับกลุ่มเดลิเวอรี่ก็เลยรู้สึกว่าน่าจะลองจับมือกับกลุ่มธุรกิจอาหารดูบ้าง และก็เลยเลือกบาร์บีคิวพลาซ่าที่นอกจากเด่นเรื่องอาหารก็ยังเด่นเรื่องคาแรคเตอร์ของบาร์บีก้อนด้วย 

แม้ว่าแคมเปญในการแจกสิทธิพิเศษของแสนสิรินี้ จะมีระยะเวลาตั้งแต่ 11 ก.. – 31 มี.ค. นี้เท่านั้น ไฮไลต์เด่นๆ ก็คือ

ส่วนทางด้านของบาร์บีคิวพลาซ่า สิ่งที่จะได้คือ

อย่างไรก็ตาม การร่วมมือครั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายก็ยอมรับว่าจะมีแคมเปญใหม่ๆ เข้ามากระตุ้นตลาดตลอดทั้งปี เพราะว่าการทำแคมเปญยุคนี้ จะเน้นอัดงบเพียงอย่างเดียวไม่ได้ แต่ต้องมีกิมมิคที่โดดเด่นคนถึงจะจดจำแบรนด์ของคุณ

คุณบุณย์ญานุช เล่าเรื่องเกี่ยวกับบาร์บีคิวพลาซ่าเพิ่มเติมว่า แบรนด์บาร์บีคิวพลาซ่า มีจุดเด่นในเรื่องการทำกลยุทธ์การตลาดแบบสร้างกระแสมาโดยตลอด และเป็นแบรนด์ที่ปรับตัวเร็วเพื่อฟื้นธุรกิจอาหารให้พลิกกลับมาเติบโตได้อีกครั้ง เราตอกย้ำความเป็น “แบรนด์เล็ก เสียงดัง ตังค์ไม่มี” และเมื่อช่วงมกราคมที่ผ่านมา

ก็ได้ทำแคมเปญแบบซูเปอร์แฟลชดีล คือ ให้ลูกค้ากินบุฟเฟ่ต์ภายใน 3 วัน ซึ่งหวังแค่ทำรายได้กลับมา 15% ก็ช่วยพยุงธุรกิจได้แล้ว แต่ลูกค้ากลับทำให้ยอดของเราทะลุไป 150% เรียกว่าพนักงานเหนื่อย 3 วัน แต่ยังประคองธุรกิจให้อยู่ต่อไปได้ ซึ่งแบรนด์บาร์บีคิวพลาซ่าจะต้องคิดเร็ว ลงมือทำให้เร็ว หากลองทำแคมเปญไหนแล้วเหนื่อยไป ไม่สำเร็จก็รีบแก้ไขและปรับใหม่ทันที เพราะการรักษาธุรกิจยุคนี้ยากขึ้นกว่าเดิม

ทำให้ขณะนี้ บริษัทมีฐานลูกค้าสมาชิกแตะ 2 ล้านราย และเป็นลูกค้าออนไลน์ที่ใช้งานระบบสมาชิกผ่าน LINE OA 1.5 ล้านรายแล้ว ซึ่งบริษัทก็พยายามจะรวมฐานลูกค้าบนระบบออฟไลน์และออนไลน์มาอยู่ในที่เดียวกัน เพื่อให้การแจ้งข่าว ทำแคมเปญหรือรับสิทธิประโยชน์จะได้ทั่วถึงและเป็นโอกาสสร้างรายได้ตามเป้าที่วางไว้

การสร้างภาพลักษณ์หรือแบรนด์ให้แข็งแรงในยุคนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายนะคะ ที่คนจะติดใจและอยากกลับมาใช้ซ้ำ นั่นเป็นเพราะประสบการณ์ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ต้องดีจริง รวมถึงทุกหน่วยงานในบริษัทต้องเป็นตัวแทนของแบรนด์ได้อย่างเต็มภาคภูมิ เพราะนอกจากการทำแคมเปญที่ใหญ่โตมากมายแล้ว ประสบการณ์ที่ลูกค้าได้รับที่หน้าร้านและความพึงพอใจในงานบริการ คือ หัวใจของการสร้างแบรนด์ให้ยั่งยืน