Site icon Thumbsup

ความลับของ Viral Content (Google มองโลกต่างจาก Facebook อย่างไร?)

Jonah Peretti ผู้ร่วมก่อตั้งหนังสือพิมพ์ออนไลน์ชื่อดัง “Huffington Post” และเว็บไซต์รวมเรื่องฮิต “BuzzFeed” ได้ขึ้นพูดบนเว็บทีของงานสัมมนา Web 2.0 Expo ซึ่งจัดขึ้นในซาน ฟรานซิสโกวานนี้ เรื่องความคิดของเขาว่าทำอย่างไร Content ถึงได้กลายเป็น Viral content มันมีกระบวนการและที่มาที่ไปอย่างไร เนื้อหาแบบไหนที่จะดังบน Google และ Facebook อ่านดูแล้วก็น่าสนใจไม่น้อย ไม่ได้เป็นประเด็นข่าวแบบ “มีอะไรเกิดขึ้น” มากมายนะครับ แต่เป็นเรื่องน่าคิดตาม ผมว่าโดนใจดีเลยเอามาแปลต่อ

Peretti กล่าวไว้ประโยคหนึ่งว่า ?Content จะถูกบอกต่อกลายเป็น content ที่ติดไวรัสความดังแบบ Viral content ได้ด้วยเหตุผลหลายๆ อย่าง ด้วยแพลตฟอร์มหลายๆ แบบ อย่างเช่น เสิร์ชเอ็นจิ้นของ Google ที่ถูกสร้างมาเพื่อมองหา “ข้อมูลข่าวสารที่มีสาระ” อย่างเวลาคนเสิร์ชหาความรู้อะไรใน Google ด้วยคำๆ หนึ่ง มันก็จะไปติดที่ About.com ซึ่งจัดเรียงดัชนีเนื้อหาต่างๆ ด้วยระบบคีย์เวิร์ด แต่ถ้ามองว่าเนื้อหาแบบนี้จะไปฮิตใน Facebook ก็คงไม่ใช่ เพราะผู้ใช้ Facebook จะไม่ค่อยแชร์บทความหรือเนื้อหาแบบ “How-to” เท่าไหร่ แต่เน้นไปแชร์เรื่องสนุกๆ ตลกๆ หรือเรื่องที่แชร์แล้วตัวคุณ (ที่เป็นคนแชร์) เองดูดีในสายตาคนอื่น ที่ Peretti ใช้คำว่า ?define you and make you look good.?

Peretti ยกตัวอย่างด้วย ภาพตลกๆ ของหมาน้อยสองตัวที่กำลังวิ่ง ที่อยู่บนเว็บไซต์ BuzzFeed ของเขาว่ามันไม่ใช่ภาพที่ดูมีประโยชน์อะไรสักนิดเดียว ดังนั้นในมุมมองของ Google ภาพแบบนี้มีคุณค่าน้อยมาก ในขณะที่ Facebook บอกว่าภาพนี้มีคนแห่มาคลิก “Like” ถึง 45,000 ครั้ง

พูดง่ายๆ ก็คือผู้ทำเนื้อหาบนอินเทอร์เน็ตรายไหนก็ตามที่อยากให้เนื้อหาตัวเองกลายเป็น Viral content จะต้องหยุดคิดสักนิดเกี่ยวกับการยัดเยียดข้อมูล หรือ “ทำยังไงนะคนถึงจะรับรู้ข้อมูลพวกนี้” (?information to get into people?s heads?) แต่ควรจะหันมาคิดว่าเนื้อหาแบบไหนที่ “คนดูแล้วอยากจะโต้ตอบทาง Social Network” (?an excuse for social action?) เป็นทำนองว่าเนื้อหาแบบนี้ดูแล้วคลิก Like เพียบชัวร์

?นี่คือสิ่งที่ Google พยายามดิ้นรนจะเข้าใจเกี่ยวกับเนื้อหาบนอินเทอร์เน็ต? Peretti กล่าว นี่เป็นสาเหตุที่ว่าทำไม Google ต้องทำ Google +1 แข่งกับ Facebook Like

เขายังได้กล่าวเพิ่มเติมอีกเล็กน้อยถึงไอเดียที่เขาทำที่ BuzzFeed ในการปั้น Viral content โดยทีมงาน Buzzfeed จะพยายามวัดความสำเร็จของเนื้อหาแต่ละชิ้นด้วยค่าที่ว่ามันจะกลายเป็น Viral ได้มากแค่ไหน มากกว่าจะมานั่งนับเพจวิว? ซึ่งส่งผลกระทบถึงการออกแบบเว็บไซต์ของเขาด้วย อย่างเช่น แทนที่เขาจะแบ่งเนื้อหาบนเว็บของเขาด้วย “หมวดการเมือง” “หมวดกีฬา” แต่เขาเลือกที่จะแบ่งด้วยอารมณ์และปฎิกิริยาของผู้ใช้เป็นหลัก เช่น ?LOL?, ?OMG?, ?Fail? และอื่นๆ

ในความเห็นเล็กๆ ของผู้แปลก็คือ Viral content ไม่ได้มีสูตรสำเร็จอะไรตายตัว บอกกันได้เป็นขั้นเป็นตอน แต่ที่น่าสนใจคือ Google เป็นเสิร์ชเอ็นจิ้น มันจึงมองโลกด้วย “คีย์เวิร์ด” ส่วน Facebook มองด้วยอะไรที่เป็นมนุษย์มากๆ และมี “อารมณ์ร่วม” ของคนในขณะนั้น หรืออะไรที่น่า “ตื่นตาตื่นใจ” ดังนั้นเวลาเราจะทำอะไรในอินเทอร์เน็ต อาจจะเริ่มออกแบบเว็บไซต์ หรือเริ่มทำแคมเปญการตลาดใดๆ หากต้องการให้สัมฤทธิ์ผล ก็จะต้องลองมองปัจจัยเหล่านี้ด้วย เพราะหลักการที่สำคัญที่สุดของ Social Network ก็คือเนื้อหาหรือสิ่งต่างๆ จะดูมีคุณค่ามากยิ่งขึ้น ถ้าเราพบว่าคนที่เรารู้จักกำลังทำสิ่งนั้น หรือชอบสิ่งนั้นอยู่

แล้วคุณล่ะคิดอย่างไรกับเรื่องการสร้าง Viral content? คุณมีสูตรอะไรในการทำบ้างไหม แชร์กับเพื่อนๆ ในนี้ได้เลย

ที่มา: MediaBeat