Site icon Thumbsup

สัมภาษณ์พิเศษ : ShopSpot หลังจากได้รับเงินทุนสนับสนุนจาก VC

Shopspot

หลังจากที่ได้ข่าวว่า ShopSpot ได้เงินทุนจาก VC ?628,000 เหรียญสหรัฐฯ ทางกองบก. thumbsup ก็ได้รีบขอติดต่อเพื่อพูดคุยกับทีมงาน ShopSpot?ถึงรายละเอียดดังกล่าว เพราะเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์กับ Startup อีกหลายราย เราลองไปฟังมุมมองและแนวคิดของชายหนุ่มคนนี้?นัฏฐ์สกล เกียรติสุรนนท์…
และเตรียมพบกับเขาตัวจริงเสียงจริงได้ในงาน Thailand Online Expo วันที่ 28 เมษายน 2556 เวลาบ่ายโมงตรง ณ ห้อง Grand Ball Room ลงทะเบียนสำรองที่นั่งฟรี!

thumbsup: เหตุผลของการขอระดมทุนในครั้งนี้
นัฏฐ์สกล: คือเป็นโมเดลการสร้างธุรกิจ tech startup โดยอาศัยเงินทุนจาก VC ซึ่งเป็นที่นิยมในต่างประเทศ ตามที่ Facebook, Twitter, Instagram และบริษัทชื่อดังหลายๆ เจ้าก็ใช้กันนะครับ เหตุผลหลักๆ ก็คงจะเป็นความต้องการที่จะสร้างธุรกิจให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด และสามารถขยายตลาดได้อย่างรวดเร็ว โดยเงินที่ได้มาจะเน้นการสร้างทีมให้แข็งแกร่ง เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างรวดเร็ว และการเพิ่มจำนวนผู้ใช้งานเป็นหลัก โดยที่ส่วนใหญ่แล้วธุรกิจแบบนี้จะยังไม่มีรายได้ในช่วงแรก ดังนั้นเงินลงทุนตลอดจนประสบการณ์และเครือข่ายจาก VC จึงตอบโจทย์ในจุดนี้ได้นะครับ

thumbsup: สำหรับ Startup รายอื่นๆ (ที่เรียกว่ามีความพร้อมในแง่ของ product แล้ว) และต้องการหาทุน แน่นอนว่ามันต้องมีเส้นทาง กระบวนการของมันอยู่ พอจะช่วยเล่ารายละเอียดตรงนี้ให้ฟังหน่อยได้ไหม ว่าเป็นมาอย่างไร จนมาถึงจุดนี้ได้
นัฏฐ์สกล: ขอยกตัวอย่างคำกล่าวของ Reid Hoffman ผู้ก่อตั้ง LinkedIn มาใช้ตอบคำถามนี้ได้ส่วนนึงเลยครับ

?If you are not embarrassed by the first version of your product, you?ve launched too late.?

อาจจะสงสัยว่าเกี่ยวกันอย่างไร ส่วนตัวแล้วเห็นว่าเกี่ยวข้องมากครับ เนื่องจากว่าการสร้างธุรกิจ tech-startup นั้น ต้องมีความกล้าที่จะเข้าหานักลงทุนในขณะที่ยังไม่พร้อม ซึ่งผมมองว่าการที่ได้พูดคุยกับนักลงุทน (Investor) ก็คือเพื่อให้ได้มุมมองในการพัฒนาโมเดลทางธุรกิจ (Business model) ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าการที่เราไปพูดคุยกับลูกค้า (Customers) เพื่อให้ได้ feedback มาพัฒนาผลิตภัณฑ์

อีกอย่างก็คือ กว่าที่จะได้รับความเชื่อถือจนได้รับการลงทุนนั้นไม่ใช่ง่ายๆ ต้องทำความรู้จัก พูดคุย และแลกเปลี่ยนทัศนคติกันนานพอควรทีเดียว เทียบง่ายๆ ก็เหมือนช่วงจีบสาว แล้วก็ขอเป็นแฟน สุดท้ายก็ขอแต่งงาน ประมาณนั้นเลยครับ

thumbsup: ในเรื่องของตัวเงิน เราวางแผนอย่างไรว่าต้องระดมทุนด้วยตัวเงินเท่านี้ เพื่อเป็นไอเดียให้กับท่านอื่นๆ
นัฏฐ์สกล: การระดมทุนจาก VC ในรอบ seed round นี้จะมองถึงเป้าหมายในการหา Product-Market Fit หรือ พิสูจน์ให้ได้ว่ามีตลาดอยู่จริงและเริ่มมีการทดสอบแนวทางการหารายได้ (Market Validation + Revenue Testing) ซึ่งจำนวนเงินที่ประมาณการณ์จะเผื่อ Financial Forecast ไว้ประมาณ 2-3 แผน หรือ 12-18 เดือน?โดยหลักๆ จะใช้เงินในส่วนของการสร้างทีม หาคนเก่งๆ มาร่วมทีม โดยขนาดของทีมจะยังอยู่ในช่วง 10 กว่าคน โดยประมาณ?ซึ่งช่วงนี้ Product จะเริ่มนิ่งแล้ว และเริ่มมีการทำการตลาดเพื่อเพิ่มจำนวนกลุ่มผู้ใช้งาน-ลูกค้าเป้าหมายเข้าสู่ระบบ?โดยจะมีการประเมินขนาดของตลาดที่แท้จริงอีกครั้ง รวมถึงเริ่มทดสอบแนวทางการหารายได้ (Revenue model) ต่างๆ

thumbsup: อะไรที่ทำให้เราตัดสินใจ Pivot จาก C2C ?ไปสู่ Mobile Shopping Platform และทำไมถึงคิดว่าในครั้งนี้จะ work
นัฏฐ์สกล: จริงๆ แล้วเหตุผลในการปรับเปลี่ยนมีอยู่หลักๆ 2 ประการครับ
1. เราเล็งเห็นถึงความต้องการของผู้ขายหลายๆ รายที่ยังไม่มีใครตอบโจทย์ด้านช่องทางการขายสินค้าผ่านมือถือ (mobile sales channel) ให้กับเขาเหล่านั้นได้ดีเท่ากับเรา รวมถึงการที่มีร้านค้าบน Facebook, Instagram มาเล่นมากกว่าคนขายขาจร (Individual Sellers) ซึ่งต่างจากสมมติฐานที่เราคิดไว้ที่แรกว่าจะเป็น mobile Craigslist
2. เรามองว่า Positioning ใหม่นี้จะสามารถช่วยให้เราสามารถคัดกรองสินค้าและร้านค้าที่มีคุณภาพได้ง่ายขึ้น เช่น จะมีระบบ Content Curation เพื่อให้เกิด User Experience ที่ดีได้ง่ายกว่าด้วย

รวมถึงสามารถมีช่องทางทำเงินได้หลากหลายมากกว่า อาทิเช่น ระบบโฆษณาให้ตรงกลุ่มเป้าหมาย (Target Ads) รูปแบบการโฆษณาบนพื้นที่พิเศษ (Featured Section) การยืนยันตัวตนผู้ขาย (Verified Sellers) ระบบการชำระเงินผ่านมือถือ (Mobile Payment) หรือแม่กระทั้งการขาย Virtual Items บางอย่างก็เป็นได้ ทั้งหมดนี้เราจะเริ่มวางแผนทดสอบเร็วๆ นี้แล้วครับ

thumbsup: แน่นอนว่าต้องผ่านช่วงวัดใจ และความท้าทายมาหลายครั้ง เราจัดการกับอารมณ์ การทำงานและจัดการทีมงานอย่างไร
นัฏฐ์สกล: ผมมองว่าเป็นเรื่องปกติของการทำธุรกิจ tech-startup ซึ่งต้องการความรวดเร็วและความยืดหยุ่นในการปรับตัวสูง ซึ่งเราได้รับการเตรียมตัวในจุดนี้มาแล้วตั้งแต่อยู่ที่ JFDI Bootcamp ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เราเติบโตขึ้นมามาก ทำให้เรามีความพร้อมที่จะรับความท้าทายต่างๆ และปรับตัวให้เข้าได้กับทุกสถานการณ์

ในส่วนของทีมงานก็ถือว่าโชคดีมาก ที่เราเป็นทีมที่ทุกๆ คนมีความเป็นผู้นำ สามารถดูแลรับผิดชอบงานของตัวเองได้เป็นอย่างดี หลักการบริหารของผมจึงเป็นการให้อำนาจกับทุกๆ คนในการดูแลในสิ่งที่รับผิดชอบอย่างเต็มที่ ซึ่งได้ทดลองใช้หลักการ Lead from behind ของ Nelson Mandela มาแล้วสักระยะหนึ่ง ก็รู้สึกว่าชอบมาก อยากแนะนำให้ Team Leader ของทุกๆ องค์กรได้ลองนำไปปรับใช้ดู

thumbsup: ข้อแนะนำที่อยากฝากให้กับ startup รายอื่นๆ ในแง่ความจำเป็นการขอเงินทุนจาก VC เพราะจริงๆ แล้วถ้ามีรายได้ที่ชัดเจน บางครั้งการขอเงินทุนอาจไม่จำเป็นเสมอไป?
นัฏฐ์สกล: ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของแต่ละคนจริงๆ ครับของแบบนี้ เพราะว่าจริงๆ แล้วทุกธุรกิจก็ต้องการเงินทุน ไม่ว่าจะเป็นทุนส่วนตัว ทุนจากครอบครัว เพื่อนฝูง หรือกู้เงินธนาคาร เป็นต้น ซึ่งถ้าเราคิดว่าพอใจกับรูปแบบนั้น และธุรกิจก็มีรายได้ตามที่พอใจแล้ว ก็ถือว่าโอเคครับ

แต่ถ้าต้องการจะสร้างธุรกิจที่เติบโตเร็วเป็น 10 เท่า 20 เท่าหรือ 100 เท่าภายในระยะเวลา 3-5 ปี และคิดว่ารายได้อย่างเดียวคงไม่พอจะทำให้ไปถึงเป้าหมายนั้น การระดมทุนจาก VC ก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจครับ เพราะว่า VC ที่ดี เค้าจะไม่ได้แค่เข้ามาให้เงินอย่างเดียว แต่จะเข้ามาพร้อมกับประสบการณ์ องค์ความรู้ ตลอดจนเครือข่าย คอนเนคชั่นต่างๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ ส่วนตัวผมแล้วบางทีเห็นว่ามีค่ามากกว่าเงินที่ได้มาเสียอีก