Site icon Thumbsup

จับตา Skype เมื่อ Microsoft เล็งปิดสำนักงานในลอนดอน…พิษ Brexit หรือทำตัวเอง?

Skype ออกมาประกาศแล้วว่าจะปิดสำนักงานในกรุงลอนดอน เมืองหลวงของอังกฤษ ประเทศที่ถอนตัวออกจากสหภาพยุโรปจนทำให้ทั่วโลกสั่นสะเทือนไปกับคำว่า Brexit ซึ่งในการปิดตัวครั้งนี้ ก็ได้มีการคาดการณ์ถึงสาเหตุที่ Skype ต้องปิดตัวลงออกเป็นสามประเด็นใหญ่ ๆ  นั่นก็คือ ผลพวงจากการ Brexit, ปัญหาจากภายใน และปัญหาการแข่งขันจากภายนอก

คู่แข่งใหม่ที่ผุดเป็นดอกเห็ด

โดยชื่อของ Skype เป็นที่คุ้นหูในหมู่ประชากรอินเทอร์เน็ตโลกมายาวนาน ในฐานะแอปพลิเคชันสำหรับการโทรศัพท์ผ่านอินเทอร์เน็ต และถูก Microsoft ซื้อกิจการไปด้วยมูลค่า 8.5 พันล้านเหรียญสหรัฐเมื่อปี 2011 เพื่อนำไปเพิ่มประสิทธิภาพให้กับบริการของทางค่าย โดยในปัจจุบัน Skype มีสำนักงานอยู่ตามหัวเมืองใหญ่ทั่วโลก เช่น แวนคูเวอร์ พาโลอัลโต เรดมอนต์ รวมถึงกรุงลอนดอน ของอังกฤษที่กำลังจะปิดตัวลง ซึ่ง ณ ที่แห่งนี้  Skype มีพนักงานอยู่ราว 400 ชีวิตที่กำลังตกอยู่ในความเสี่ยงด้วย เนื่องจากเป็นไปได้ว่าจะถูกเลย์ออฟทั้งหมด

สำหรับสถานการณ์ของ Skype นั้นคงต้องบอกว่า ในช่วงไม่กี่ปีหลังนี้เป็นปีที่ Skype เจอกับการแข่งขันมากมาย ทั้งจากคู่แข่งเดิมอย่าง FaceTime ของ Apple หรือคู่แข่งหน้าใหม่อย่าง Facebook ที่พยายามเสนอคุณสมบัติในลักษณะเดียวกันบน Facebook Messenger ซึ่งข้อได้เปรียบของ Facebook คือการเป็นแพลตฟอร์มขนาดใหญ่ที่มีผู้ใช้งานจำนวนมหาศาล 1.65 พันล้านคน แถมยังมีบริษัทในเครืออย่าง WhatsApp ที่ให้บริการในลักษณะเดียวกันอยู่อีก หรือหากหันออกมาอีกด้านก็จะเจอกับ Slack ผู้ให้บริการเครื่องมือสำหรับการทำงานก็พยายามเสนอคุณสมบัติที่คล้ายคลึงกับคุณสมบัติของ Skype ออกมาเช่นกัน

แต่ในอีกด้านหนึ่งก็มีเสียงจากนักวิเคราะห์ว่า แท้จริงแล้ว ปัญหา Brexit คือตัวการสำคัญที่ทำให้ Skype ตัดสินใจปิดสำนักงานบนเกาะอังกฤษ เนื่องจาก Brexit นั้นทำให้ความคล่องตัวในการจ้างงานโปรแกรมเมอร์มีฝีมือทำได้ยากขึ้น จึงไม่เห็นประโยชน์ของการตั้งสำนักงานในลอนดอนอีกต่อไปนั่นเอง

นอกจากนี้ก็มีเสียงลือด้วยว่า Skype ในวันนี้เป็น Skype แต่เปลือกเท่านั้น เพราะบุคลากรภายในที่เป็นผู้อยู่กับ Skype มาตั้งแต่ยุคเริ่มแรกนั้นได้ลาออกไปเกือบหมดแล้ว และพนักงานรุ่นใหม่ที่อยู่ใน Skype ตอนนี้เป็นคนของ Microsoft มานั่งแทนเสียเป็นส่วนใหญ่ หรือเท่ากับ Skype ในวันนี้เป็นการดำรงอยู่เพื่อตอบสนองความต้องการของ Microsoft ในเชิงธุรกิจมากกว่าจะเป็น Skype ในแบบเมื่อสิบปีก่อนนั่นเอง

ที่มา Fortune