Site icon Thumbsup

จะเป็นอย่างไรเมื่อ Facebook ก็จะเข้ามาแจมด้าน Healthcare กับเขาด้วย

facebook-healthcare

Facebook ในความคิดเราทุกวันนี้ก็คือสถานที่สิงสถิตย์ในการติดตามสิ่งต่างๆ รอบตัวเราจากทั้งเพื่อนและแบรนด์ต่างๆ แต่นับจากนี้เราอาจจะเห็น Facebook เป็นได้มากกว่านั้น เพราะมีแหล่งข่าวบอกว่า Facebook สนใจและพร้อมจะลงมาลุยในส่วน Healthcare หรือด้านสุขภาพกับเขาบ้างเหมือนรายใหญ่ๆ

ถ้าให้ลองสังเกตดูจะเห็นได้ว่าช่วงนี้จะเห็นบริษัท IT รายใหญ่ๆ หันมาสนใจและเริ่มมีผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับสุขภาพออกมา ไม่ว่าจะทั้ง Apple, Google และอุปกรณ์ wearable ทั้งหลายก็ออกมาเกี่ยวกับสุขภาพแทบจะทั้งหมด

สื่ออย่าง Facebook ก็เห็นตลาดและความต้องการอันมหาศาล เลยไม่รีรอที่จะโดดลงมาลุยกับเขาบ้าง โดยแหล่งข่าวที่อ้างอิงโดย Dawn.com แจ้งมาถึงการเริ่มเข้ามาของ Facebook โดยรูปแบบที่เข้ามานั้นคาดว่าจะเป็นการสร้าง Support Communities เพื่อให้ผู้ใช้งาน Facebook ที่มีอาการโรคต่างๆ มารวมตัวเพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนกัน รวมทั้งมีแนวความคิดในการทำแอปพลิเคชันใหม่ที่จะมาช่วยดูแลป้องกันและช่วยให้คนได้ดูแลรักษาตัวและสุขภาพได้ดีขึ้น

โดยการวางแผนเหล่านี้ยังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนาอยู่ ตามแหล่งข่าว 3 คนที่มาบอกไว้

แหล่งข่าวมีการบอกเพิ่มเติมว่า ช่วงกลางๆ ปี 2014 ทาง Facebook ได้มีการคุยกันกับเหล่าผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์และผู้ประกอบการด้านการแพทย์ รวมไปถึงการตั้งฝ่ายสำหรับวิจัยและพัฒนาแอปเกี่ยวกับสุขภาพด้วย

ถ้าให้คิดว่าตอนนี้แนวทางที่แหล่งข่าวบอกว่า Facebook กำลังพัฒนาอยู่มีใช้อยู่ก่อนแล้วหรือเปล่า ก็ต้องบอกว่ามีแน่นอนครับ แต่จะอยู่ในรูปแบบของกลุ่ม group ที่เฉพาะทางสุดๆ ซึ่งคนทั่วๆ ไปก็คงไม่ได้สนใจอะไรมากนัก

แต่ก็มีเคสที่ประสบความสำเร็จอย่างมากที่ Facebook คาดไม่ถึง นั่นคือการบอกสถานะการบริจาคอวัยวะ ซึ่งทาง Facebook ทำมาตั้งแต่ปี 2012 โดยเปิดให้คนทั่วไปสามารถระบุได้ในหน้า Profile ส่วนตัว และมียอดที่ระบุว่าตนบริจาคอวัยวะในสหรัฐฯ อยู่ราว 13,000 ราย และเคสนี้ก็ถูกตีพิมพ์ลงใน American Journal of Transplantation อีกด้วย (เข้าใจว่าจะเป็นวารสารทางการแพทย์นะครับ)

Facebook มีหน้าสำหรับแนะนำในการใช้งานเพื่อระบุ status นี้ด้วยนะครับ Share your Organ Donor Status

ซึ่งถ้าหาก Facebook เข็นบริการนี้ออกมาก็น่าจะเป็นไปได้สูงมาก ซึ่งข้อดีของการมีนั่นมีอยู่เต็มไปหมด แต่ที่จะเพิ่มประโยชน์ได้ก็คือการมีสังคมหรือ community ที่เป็นคนทั่วโลกที่จะช่วยให้มันดีขึ้นกว่าการเป็น localize

ผลประโยชน์จะตกอยู่กับทั้งผู้ป่วยเอง, ผู้ดูแลผู้ป่วย รวมถึงแพทย์และนักศึกษาแพทย์ ที่จะมีจุดศูนย์กลางในการสื่อสารกันได้ครับ

ผมหวังว่าจะมีบริการนี้จะมาในเร็วๆ นี้ครับ เพราะสิ่งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อชาวโลกอย่างแท้จริง, In other related information, checkout this helpful health blogs from www.GetHolisticHealth.com.