Site icon Thumbsup

อีรุงตุงนัง โซเชียลร้อนรับดราม่าล่าสุดของ Starbucks

หลังจากเกิดดราม่ากับแบรนด์ Starbucks ตั้งแต่วันที่ 12 เมษายน และซีอีโอ Starbucks สวมบทพระเอกออกมาขอโทษส่วนตัวพร้อมปรับหลักสูตรอบรมพนักงานครั้งใหญ่ ล่าสุดโลกโซเชียลสหรัฐฯกำลังจับตาก้าวต่อไปของ Starbucks อย่างคึกคัก แถมยังโหมไฟกดดันให้เจ้าพ่อเชนกาแฟลงดาบไล่ออกผู้จัดการร้าน ซึ่งถูกมองว่าเป็นต้นเหตุของดราม่านี้

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ดราม่าชามนี้ของ Starbucks เป็นที่สนใจของคนทั่วโลก คือวิดีโอไวรัลนี้ที่ถูกเปิดชมมากกว่า 10 ล้านครั้ง คำบรรยายวิดีโอระบุว่าเพียงว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจถูกเรียกมาเพื่อจับกุมชายผิวสี 2 รายนี้ที่ไม่ได้สั่งกาแฟกับ Starbucks แต่กำลังรอเพื่อนให้มาพบ กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องปล่อยตัวไปเพราะชายผิวสี 2 รายนี้ไม่ได้ทำอะไรผิด และมีการตั้งข้อสังเกตว่าเหตุการณ์นี้อาจไม่เกิดขึ้นหากเป็นคนขาว

อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่เกิดขึ้นอาจลึกซึ้งกว่านั้น เพราะสื่ออย่าง The Washington Post ระบุข้อความจากทนายความของชายผิวสี 2 รายนี้ “Lauren Wimmer” ว่าลูกความของเธอ (ไม่ระบุนาม) ถูกปล่อยตัวที่สถานีตำรวจในเวลา 8 ชั่วโมงถัดมาเพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่พบมูลความผิด

ทนายความบอกว่า ผู้จัดการร้าน Starbucks ที่แจ้งตำรวจให้จับกุมชายผิวสีนี้เป็นคนผิวขาว และชายผิวสี 2 รายนี้กำลังรอพบ Andrew Yaffe จากบริษัทด้านอสังหาริมทรัพย์ ทั้งหมดต้องการประชุมเพื่อหาโอกาสลงทุนทางธุรกิจ

ปรากฏว่าเหตุการณ์นี้ถูกบันทึกไว้บนสมาร์ทโฟนหลายเครื่อง ในวิดีโอชิ้นหนึ่ง Yaffe มาถึงแล้วบอกเจ้าหน้าที่ว่าชายผิวสีทั้ง 2 รายมาเพื่อพบเขา จากนั้น Yaffe จึงถามว่า ”ทำไมพวกเขาถูกขอให้ออกไปล่ะ” ก่อนจะสรุปว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องตลก แต่เป็นเรื่องเหยียดผิวชัดเจน

หลายคนเห็นด้วยกับ Yaffe ทำให้โลกโซเชียลร้อนเป็นไฟด้วยแฮชแทค #BoycottStarbucks สำนักข่าว USA Today รายงานว่าวันอาทิตย์ที่ผ่านมา กลุ่มคนผิวสีหลายคนรวมตัวประท้วงที่ร้าน Starbucks ในเมืองฟิลาเดลเฟีย เพื่อต้านนโยบายการจัดการร้าน จนทำให้ผู้จัดการร้านสาขานี้ตัดสินใจแจ้งตำรวจ

ในเมื่อถูกชี้ว่าเป็นประเด็นแบ่งแยกสังคมอเมริกัน Starbucks ไม่อาจอยู่นิ่ง โดยตัดสินใจออกแถลงการณ์ขอโทษในนามแบรนด์ช่วงวันที่ 14 เมษายน และแถลงการณ์รับผิดว่าเป็นความผิดพลาดของการอบรมพนักงานบริษัท แถลงการณ์หลังนี้ประกาศในวันที่ 15 เมษายน

ไม่พอ Kevin Johnson ซีอีโอ Starbucks จัดวิดีโอขอโทษประชาชนในฟิลาเดลเฟียและลูกค้าเป็นการส่วนตัว โดยขอโทษถึงพันธมิตรของ Starbucks ทุกคนที่ผิดหวัง ซีอีโอบอกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่สิ่งที่ Starbucks เป็น และไม่ใช่สิ่งที่ Starbucks กำลังจะเป็นด้วย

ในวิดีโอ ซีอีโอ Starbucks ชี้ว่าจะเรียนรู้และปรับปรุงตัวให้ดีขึ้นจากกรณีนี้ โดยซีอีโอพยายามรับผิด และพยายามขอให้ทุกคนไม่กล่าวโทษกับผู้จัดการร้านที่ตัดสินใจแจ้งตำรวจ

เพื่อไม่ให้เรื่องนี้เกิดขึ้นอีก ซีอีโอ Starbucks ระบุว่าจะเปลี่ยนแปลงนโยบาย และอบรมพนักงานเพิ่มเติมจากหลักสูตรที่มี

สถานการณ์อัปเดทล่าสุดคือ Starbucks ระบุเพียงว่าผู้จัดการร้านนั้นไม่ได้ทำงานที่สาขาต้นเหตุดราม่าแล้ว ไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดว่าผู้จัดการถูกโยกย้ายไป หรือถูกไล่ออก ทำให้ชาวโซเชียลอเมริกันเรียกร้องรุนแรงให้ปลดพนักงานรายนี้ แถมมีการโพสต์รูปพนักงานที่เชื่อว่าเป็นผู้จัดการร้านไปทั่วโซเชียล

ไม่ว่า Starbucks จะปลดพนักงานหรือไม่ แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ ดราม่านี้ถูกหยิบเรื่องเข้าห้องน้ำมาเป็นประเด็น หลายกระแสบอกว่าผู้จัดการร้าน Starbucks ไม่ยอมให้ชายผิวสีที่ไม่ได้ซื้อเครื่องดื่มเข้าห้องน้ำ ทั้งที่ชายผิวสีขออนุญาตเจ้าหน้าที่ร้าน อย่างไรก็ตาม ในรายงานของสื่อใหญ่ มีประเด็นเข้าห้องน้ำที่เข้าใจได้

ตามคำให้การที่บันทึกโดย Richard Ross เจ้าหน้าที่ตำรวจฟิลาเดลเฟีย ระบุว่า 1 ใน 2 ของชายผิวสีที่ถูกจับกุม ได้ขออนุญาตใช้ห้องน้ำของร้านโดยที่ยังไม่ได้ซื้อสินค้าใด พนักงานของร้านจึงแจ้งว่า นโยบายของบริษัทไม่อนุญาตให้ผู้ที่ไม่ใช่ลูกค้าใช้บริการห้องน้ำ ก่อนจะขอให้ทั้ง 2 คนออกจากร้านไป

ผู้จัดการร้านจึงตัดสินใจเรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจเมื่อชาย 2 รายไม่ยอมออกจากร้าน เจ้าหน้าที่ใส่กุญแจมือและบังคับให้ทั้งคู่ออกจากร้านได้ในที่สุด แน่นอนว่าเหตุการณ์นี้ถูกบันทึกในสมาร์ทโฟน และเป็นดราม่าไวรัลอีรุงตุงนังในเวลานี้

ไม่ว่าต้นเหตุของเรื่องนี้คืออะไร กฏนโยบายบริษัท Starbucks, เจ้าหน้าที่ที่ทำตามกฏนั้น, ชายผิวสีที่ไม่เห็นด้วย, Andrew Yaffe ที่จุดประเด็นเหยียดผิว หรือชาวโซเชียลที่ร่วมโหมไฟดราม่า แต่ที่แน่นอนคือ Starbucks ได้พื้นที่สื่อหลายวันติดกัน โดยไม่ต้องเสียค่าโฆษณาให้สื่อใด.

ที่มา: : PrDaily