Site icon Thumbsup

Sunday ประกันรูปแบบใหม่ ที่มาแรงหวังแย่งแชร์ธุรกิจประกันแบบเดิม

Sunday (ซันเดย์) แพลตฟอร์มประกันรูปแบบใหม่ที่เรียกว่าเป็น InsurTech ก่อต้ังขึ้นเมื่อสิงหาคม 2560 ด้วยการดึงเทคโนโลยี AI และ Machine Learning  เข้ามาช่วยวิเคราะห์ข้อมูลแบบ Real-Time ทำให้เกิดนวัตกรรมทางด้านประกันภัย เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ลูกค้า หลังเป็นหลังบ้านให้ Grab ในการคุ้มครองพาร์ทเนอร์ผู้ขับของแกร็บ ขณะรับ –ส่ง ผู้โดยสาร ประกันสุขภาพ และประกันรถยนต์ราคาพิเศษสำหรับแกร็บโกลด์ (GrabGold) ล่าสุดก็ได้ลงทุนหลังบ้านเพิ่มเติมโดยใช้โซลูชั่นจาก Amazon Web Services หรือ AWS ในการเชื่อมระบบผ่าน Cloud Computing

ซินดี้ กัว ผู้ก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหารของซันเดย์ อินส์

จุดกำเนิดของ Sunday

Sunday เป็นดิจิตอลแพลตฟอร์มที่ให้บริการประกันภัยรูปแบบใหม่ที่เกิดขึ้นจากวิสัยทัศน์ของบริษัทที่ต้องการเป็นอินชัวร์เทค (InsurTech) ด้วยการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัย มายกระดับการให้บริการด้านประกันภัยที่สะดวกและเป็นมิตรกับผู้ใช้ซึ่งแตกต่างจากประสบการณ์ที่ลูกค้าได้จากประกันภัยแบบเดิม โดยการใช้เทคโนโลยีอย่างเช่น AI (Artificial Intelligence) และ Machine Learning พร้อมทั้งดิจิตอลแพลตฟอร์มที่ทันสมัยเพื่อทำให้ประกันภัยเข้าถึงง่าย และมีความยืดหยุ่นเหมาะสมกับไลฟ์ไสตล์ยุคดิจิตอล

ปัจจุบันผู้บริโภคในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีการเติบโตและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทำให้รูปแบบการประกันภัยแบบปัจจุบัน   ไม่สามารถตอบโจทย์ความต้องการที่แท้จริงของผู้บริโภคได้อย่างครอบคลุม ประกอบกับธุรกิจปัจจุบันต้องเร่งปรับตัวเข้าสู่ยุคดิจิตอลทรานส์ฟอร์มเมชัน (Digital Transformation) ที่ต้องนำเทคโนโลยีดิจิตอลเข้ามาใช้เจาะตลาดลูกค้า ทำให้เราเล็งเห็นว่าเทคโนโลยีมีส่วนสำคัญในการสร้างความแตกต่างในธุรกิจประกันภัย

เทคโนโลยีที่ทันสมัยคือจุดแข็งของซันเดย์ในการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการประกันภัยที่เหนือกว่า อีกทั้งยังมีความยืดหยุ่น และตอบโจทย์ความต้องการทั้งแบบเฉพาะบุคคล หรือองค์กรธุรกิจได้อย่างลงตัว แพลตฟอร์มของซันเดย์สร้างขึ้นโดยยึดลูกค้าเป็นหลัก โดยวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าเชิงลึกและฐานข้อมูลสถิติด้านอื่นๆ เพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบสนองความพึงพอใจสูงสุดของลูกค้าทั้งรายย่อย และลูกค้าองค์กร (Corporate Clients)

“จุดเด่นของซันเดย์คือ ลูกค้าจะได้รับราคาที่เหมาะสม โดยลูกค้าสามารถเลือกความคุ้มครองได้ด้วยตนเองทำให้ได้รับผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่ลูกค้าพอใจในงบประมาณที่กำหนดเอง ซึ่งเหนือกว่าการซื้อประกันภัยแบบแพ็คเกจที่ไม่เปิดโอกาสให้ลูกค้าได้เลือก”

อีกจุดเด่นคือ ระบบการวิเคราะห์ข้อมูลที่ทันสมัย โดยการใช้ Big data analytics มาวิเคราะห์ทำให้สามารถเข้าใจลูกค้าได้ดีขึ้น และออกแบบโปรโมชั่นและผลิตภัณฑ์ที่ตรงใจลูกค้า อีกทั้งยังทำให้ลูกค้าได้รับการบริการที่รวดเร็วแบบบูรณาการ ทั้งระบบการขายและการเคลม สุดท้ายนี้เราต้องการให้ทำให้ ประกันภัยเป็นเรื่องง่าย และประหยัดเวลาเพื่อให้ลูกค้าได้ใช้เวลากับสิ่งอื่นๆที่สำคัญในชีวิต

เพิ่มโซลูชั่นรองรับการใช้งาน

การเลือกใช้โซลูชั่นจากอะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส (Amazon Web Services) หรือ AWS ซึ่งเป็นผู้นำการให้บริการระบบ Cloud Computing จะช่วยให้ซันเดย์สามารถนำเทคโนโลยี Machine Learning มาช่วยประมวลผลบน AWS Cloud Services เพื่อผสานกับแนวคิดการบริการประกันภัยที่ล้ำสมัย ทำให้บริษัทเป็นผู้นำทางตลาด InsurTech และยังเป็นรายแรกในไทย

“การผสานเทคโนโลยี AWS Cloud Computing และ Machine Learning ช่วยทำให้ซันเดย์สามารถให้บริการลูกค้าได้อย่างรวดเร็วผ่านดิจิตอลแพลตฟอร์ม ไม่ว่าจะเป็น เว็บไซด์ หรือแอพพลิเคชั่น เมื่อลูกค้าใส่ข้อมูลเข้ามาในระบบ ระบบจะทำการประมวลผลข้อมูลหลายล้านหน่วยที่จัดเก็บบน AWS ในทันที เพื่อทำการคำนวณเบี้ยประกันที่เหมาะสมตามความเสี่ยงของลูกค้าแต่ละราย”

นอกจากนี้ ระบบฃยังสามารถรองรับลูกค้าได้แบบเรียลไทม์จำนวนหลายหมื่นรายได้พร้อมกัน ส่งผลให้ลูกค้าได้รับข้อเสนอในราคาที่ดีกว่าประกันภัยแบบเดิมๆ ถึง 20% และยังนำเสนอผลิตภัณฑ์ประกันภัยรูปแบบใหม่ๆ ที่มีความสร้างสรรค์ สำหรับไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างของลูกค้าได้ อาทิ ประกันการเดินทางที่จ่ายชดเชยกรณีความล่าช้าของสายการบินแบบเรียลไทม์ (Flight Delay) โดยซันเดย์เชื่อมต่อกับฐานข้อมูลทางสภาพอากาศ และการบิน ทำให้สามารถจ่ายค่าชดเชยให้ลูกค้าได้ทันทีที่มีการล่าช้าตามเงื่อนไขที่กำหนด, บริการประกันสุขภาพรายเดือน หรือบริการประกันภัยการเดินทางขนาดย่อย (Micro Travel Insurance) ที่คิดเบี้ยประกันตามวันเวลาที่มีการเดินทางและประเทศที่ไป ซึ่งซันเดย์เป็นรายแรกที่สามารถเสนอความคุ้มครองแบบดังกล่าว ที่กล่าวมานี้ล้วนเกิดจากความสามารถของเทคโนโลยี AWS Cloud Computing และระบบ Machine Learning ในการคำนวณข้อมูลและรองรับการใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ทางด้านของการสร้างความแตกต่างจากประกันภัยแบบปัจจุบันเพื่อเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดให้กับผู้บริโภค ด้วยเทคโนโลยีบนดิจิตอลแพลตฟอร์มที่ล้ำสมัยซึ่งเข้าถึงง่าย และ ใช้งานสะดวก ไม่ว่าจะเป็น สมาร์ทโฟนหรือคอมพิวเตอร์ ด้วยราคาที่ประหยัดกว่า ช่วยลดต้นทุนในการวางโครงสร้างพื้นฐานด้านไอที (IT Infrastructure Cost) ทำให้สามารถเสนอราคาประกันภัยที่ถูกลงให้กับลูกค้า

ในขณะเดียวกันก็สามารถขยายและพัฒนาธุรกิจได้อย่างคล่องตัว ซึ่งเราต้องการจะขยายตลาดไปยังกลุ่มลูกค้าองค์กรธุรกิจ นอกเหนือจากลูกค้าทั่วไป ช่วยสนับสนุนธุรกิจของพันธมิตรให้เติบโตและเพิ่มคุณค่าของสินค้าและบริการ ด้วยการมอบบริการประกันภัยที่ดีและคุ้มค่าให้ลูกค้าของพันธมิตรธุรกิจเพื่อร่วมเดินหน้าสร้างความสำเร็จในธุรกิจไปด้วยกัน

โดยที่ผ่านมามีองค์ธุรกิจเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับซันเดย์และนำบริการประกันภัยรูปแบบใหม่ของซันเดย์ไปใช้ในธุรกิจแล้วหลายแหล่ง อาทิ แกร็บ (Grab) และดีแทค (Dtac) นอกจากนี้ ยังวางแผนจะขยายธุรกิจไปยังประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เนื่องจาก Cloud Service ทำให้ไม่ต้องลงทุนกับโครงสร้างพื้นฐานด้านระบบไอทีในตลาดใหม่ ส่งผลให้ซันเดย์กลายเป็นบริษัท Asset-Light ที่สามารถลดต้นทุนการผลิต และเติบโตอย่างก้าวกระโดดได้อย่างรวดเร็ว อันจะเห็นได้จากฐานลูกค้าภายใน 1 ปีที่เราเริ่มดำเนินธุรกิจมาตั้งแต่ปี 2560 มีจำนวนผู้ใช้บริการแล้วกว่า 200,000ราย และ มียอดขายเติบโตถึงกว่า 30% ต่อเดือน