Site icon Thumbsup

เทรนด์เทคโนโลยี 2021 การลงทุนไอทียังสำคัญ แต่แรงงานก็ต้องพัฒนาตนเองให้ทันโลกมากขึ้น

เรื่องของเทคโนโลยีในปี 2021 นั้น ต้องเรียกว่ายังคงเน้นหนักในเรื่องของเทคโนโลยีหนักๆ อย่าง 5G, AI และการเก็บ Big Data เพื่อมาวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้ามากขึ้น หลายบริษัทด้านเทคโนโลยีเอง ก็คาดการณ์คล้ายๆ กันว่า เทคโนโลยีที่จะนำไปใช้ในเชิงธุรกิจนั้น มุ่งเน้นในเรื่องของ 5G ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ทั่วโลกกำลังเร่งพัฒนาเพื่อเปลี่ยนวิถีชีวิตของคน

ตามมาด้วย เทคโนโลยีที่เน้นเรื่องของการวิเคราะห์พฤติกรรม การใช้จ่ายและการเข้ามาทดแทนการทำงาน ซึ่งส่งผลกระทบต่อคนทำงานที่ยังปรับตัวไม่ทันกับทักษะใหม่ๆ ส่วนคนหางานรุ่นใหม่ก็จำเป็นต้องมีความสามารถมากกว่าเดิม เพื่อดึงดูดตำแหน่งงานและนายจ้างให้อยากเลือกเข้าไปทำงาน

สถาบันไอเอ็มซีแนะธุรกิจไทยปรับ 4 ด้านรับมือ 9 เทรนด์แรงปี 64

รศ.ดร.ธนชาติ นุ่นนท์ ผู้อำนวยการ สถาบันไอเอ็ซี (IMC Institute)  กล่าวว่า “การ์ทเนอร์แบ่งเทรนด์เทคโนโลยีปี 2564 ออกเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มแรกคือผู้คนยังเป็นศูนย์กลางของทุกอย่าง (People centricity) เพราะคนยังคงเป็นศูนย์กลางของธุรกิจที่จำเป็นจะต้องทำให้กระบวนการทำงานต่างๆ ถูกแปลงเข้าสู่ระบบดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ

กลุ่มที่ 2 คือความเสรีที่สถานที่ทุกแห่งสามารถทำงานหรือเรียนได้ (Location independence) สอดรับกับรูปแบบการทำงานที่ไม่เหมือนเดิม และกลุ่มที่ 3 คือธุรกิจต้องปรับและคล่องตัว จะต้องเอาเทคโนโลยีเข้ามารองรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น (Resilient delivery) ทั้ง 3 ส่วนนี้จะกลายเป็นยุคใหม่ที่เรียกว่าอินเทอร์เน็ตแห่งพฤติกรรมหรือ Internet of Behaviors ซึ่งธุรกิจต้องเข้าใจลูกค้า” อินเทอร์เน็ตแห่งพฤติกรรมถือเป็นแนวโน้มแรกที่การ์ทเนอร์ยกให้เป็นดาวเด่นแห่งปีหน้า”

ภาวะนี้ยิ่งเห็นได้ชัดจากสถานการณ์โควิด-19 เพราะองค์กรที่ไม่ได้เตรียมการ จะไม่สามารถทำงานได้ต่อเนื่อง ดังนั้นทุกธุรกิจจะต้องพร้อมเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา แม้ว่าหลายองค์กรไทยจะเรียกพนักงานให้กลับไปทำงานที่ออฟฟิศแล้ว ก็เป็นไปไม่ได้ว่าจะต้องกำหนดให้พนักงานหรือลูกค้าเดินทางไปศูนย์บริการเท่านั้น เนื่องจากผู้บริโภคเริ่มคุ้นเคยกับการรับบริการจากที่ใดก็ได้

นอกจากนี้เมื่อเร็วๆนี้ทาง World Economic Forum (WEF) ได้เผยแพร่รายงานเรื่อง The Future of Jobs 2020 ผลการสำรวจมีข้อมูลที่น่าสนใจอยู่หลายด้าน โดยเฉพาะด้านทักษะการทำงานที่เปลี่ยนแปลงไปจากการเกิดวิกฤติโควิด ซึ่งทาง WEF ระบุว่า การล็อกดาวน์และเศรษฐกิจถดถอยที่เกิดขึ้นทั่วโลกทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของการทำงานอย่างมาก และทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า “Double Disruption”ทำให้ความต้องการตำแหน่งงานใหม่ๆ มีมากขึ้น WEF ได้ระบุตำแหน่งที่จะมี

แม้ว่าคาดการณ์ตัวเลขการจ้างงานที่จะลดลงจากการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีปี 2025 จะลดลงไป 85 ล้านตำแหน่ง แต่ก็จะมีตำแหน่งงานใหม่ๆ เกิดขึ้นถึง 97 ล้านตำแหน่ง แสดงให้เห็นว่าองค์กรต่างๆ ยังให้ความสำคัญกับการหาบุคลากรในการทำงานอยู่ แต่ต้องการคนที่มีความสามารถ และปรับทักษะตามการเปลี่ยนแปลงของโลกได้

จากการสำรวจพบว่าครึ่งหนึ่งของพนักงานที่มีอยู่จำเป็นต้องการปรับทักษะใหม่ (Re-skill)  และคนที่ยังอยู่ในตำแหน่งเดิม 40% ต้องเพิ่มทักษะ (Up-skill) การทำงานของตัวเอง เพื่อให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของการทำงานในรูปแบบใหม่ ซึ่งมีทักษะทั้งทางด้านการใช้เทคโนโลยี การวิเคราะห์ข้อมูล องค์ความรู้ด้านเอไอ ความคิดเชิงสร้างสรรค์ ทักษะการคิดเชิงวิเคราะห์ ทักษะการแก้ปัญหาที่ซับซ้อน รวมถึงทักษะความเป็นผู้นำ

4 เทรนด์เทคโนโลยีที่จะส่งผลต่อภาคเศรษฐกิจ

การเปลี่ยนแปลงในเรื่องของเทรนด์เทคโนโลยีนั้น จะส่งผลในเรื่องของการเปลี่ยนธุรกิจให้มีความทันสมัยและอำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิตมากขึ้น

คุณอาเบล เติ้ง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด เล่าว่า เทรนด์นวัตกรรมที่มีนัยสำคัญภายใน 5 ปีข้างหน้านี้ที่น่าจับตามองต่อจากนี้ครอบคลุม 4 ประเด็นหลักได้แก่  Augmented Creativity, Symbiotic Economy, 5G Rapid Rollout และ Global Digital Governance โดยเทคโนโลยีด้าน ICT จะมีบทบาทสำคัญในการผลักดันเทรนด์เหล่านี้ และจะมีผลโดยตรงต่อการสร้างโลกอัจฉริยะให้เป็นจริงขึ้นมาได้”

เทรนด์ Augmented Creativity คือการผสานกันระหว่าง AI และเทคโนโลยีใหม่อื่น ๆ ที่จะทำให้เกิดบรรทัดฐานใหม่ในกระบวนการสร้างสรรค์งาน ทั้งนี้ รายงาน GIV (รายงานด้านวิสัยทัศน์ด้านอุตสาหกรรมโลกในปี ค.ศ. 2025 ซึ่งจัดทำโดยหัวเว่ย) ระบุว่าองค์กรขนาดใหญ่มากกว่า 97% จะเริ่มนำปัญญาประดิษฐ์มาประยุกต์ใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินการ ลดต้นทุน รวมถึงส่งมอบประสบการณ์ใช้งานที่ดีขึ้นให้แก่ลูกค้า

อันจะนำไปสู่เทรนด์ที่สองคือ Symbiotic Economy เมื่อองค์กรต่าง ๆ ต้องการสร้างความเติบโตทางธุรกิจไปในระดับโลกมากขึ้น กว่า 85% จะใช้งานแอปพลิเคชันทางธุรกิจของตนเองผ่านเทคโนโลยีคลาวด์ เพื่อการเข้าถึงเทคโนโลยีได้จากทุกแห่งหน การนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ทำงานร่วมกับ
พาร์ทเนอร์ธุรกิจจะเป็นเรื่องปกติ และการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อการดำเนินธุรกิจจะต้องเป็นไปอย่างยั่งยืน รวมทั้งเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอีกด้วย

สำหรับ 5G Rapid Rollout มีการคาดการณ์ว่าในอีก 5 ปีข้างหน้า จะมีสถานีฐานสำหรับการให้บริการ 5G ถึง 6.5 ล้านสถานีทั่วโลก รองรับการให้บริการผู้ใช้งานได้มากถึง 2,800 ล้านคน ครอบคลุมจำนวนประชากรโลกถึง 58%

และเทรนด์สุดท้ายที่น่าจับตามองก็คือ Global Digital Governance เมื่อเครือข่าย 5G แพร่หลายมากขึ้น ผู้คนและองค์กรธุรกิจใช้งานเทคโนโลยีมากขึ้น จะส่งผลให้ปริมาณข้อมูลทั่วโลกที่เกิดขึ้นในแต่ละปีมีจำนวนสูงถึง 180 เซตตะไบต์ (หรือ 180,000 ล้านเทระไบต์) จึงต้องมีขั้นตอนการบริหารจัดการข้อมูลที่รัดกุมยิ่งขึ้น รวมทั้งมาตรการป้องกันการล่วงละเมิดทางข้อมูลที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นด้วย

เทรนด์ความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่จะมีผลต่อโลกดิจิทัลในปี 2021

ปี 2020 ถือเป็นปีแห่งการพลิกผันและเป็นบททดสอบความยืดหยุ่นทางดิจิทัลที่แท้จริง ผลกระทบจาก COVID-19 มีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นต่อเนื่องอีกหลายปีข้างหน้า ทำให้ธุรกิจต่างๆ ต้องกลับมามองกลยุทธ์เพื่อที่จะดำเนินตามวิถี new normal ในระยะยาวอีกครั้งด้วยการพึ่งพาเทคโนโลยีมากขึ้น   ธุรกิจต่างๆจะประสบความสำเร็จในโลกดิจิตอลได้อย่างไร และนี่คือคาดการณ์เทรนด์ความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่จะมีผลต่อโลกดิจิตอลในปี 2021

การท่องเที่ยวแบบจับคู่และกรีนเลนจะสร้างข้อถกเถียงเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวของข้อมูล

มีความจำเป็นในการเคลื่อนย้ายข้อมูลระหว่างหน่วยงานภาครัฐและองค์กรต่างๆ เช่นสายการบิน สนามบินและโรงแรม จะยังมีการถกเถียงเรื่องวิธีการจัดเก็บ การเข้าถึงข้อมูล และการใช้ข้อมูลในปี 2564 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประชาชนเริ่มใส่ใจถึงข้อมูลส่วนตัวที่กำลังถูกแชร์อยู่ในขณะนี้

อย่างไรก็ตาม การแบ่งปันข้อมูลทางการแพทย์ที่ได้จากการทดสอบ COVID-19 ร่วมกับการติดตามผู้สัมผัสและการเช็คอินของพลเมืองที่ปฏิบัติตามกฎหมายทั้งหมด ไม่รวมบุคคลที่ถูกปฏิเสธจากภาครัฐ หากสามารถกลับมาท่องเที่ยวได้อีกครั้ง นักท่องเที่ยวต้องคิดให้รอบคอบอีกครั้งเมื่อพวกเขาต้องให้ข้อมูล

ภาคเอกชนรับช่วงต่อจากภาคประชาชนเพื่อต่อสู้กับโควิด19

อย่างไรก็ตาม การที่รัฐบาลกำลังยุ่งอยู่กับการรับมือกับโควิด 19 และการฟื้นฟูทางเศรษฐกิจอย่างเต็มที่ ภาคเอกชนจึงรับหน้าที่ต่อเพื่อแข่งขันในเครือข่าย 5G

ในปี 2021 หลายๆ องค์กรควรให้ความสำคัญ จำนวนโหนดที่ต้องติดตั้งเพื่อใช้ในเครือข่ายดังกล่าวนั้น มีความท้าทายมากขึ้น เนื่องจากเป็นการเพิ่มโอกาสที่อาจถูกโจมตีได้อย่างมากเช่นเดียวกัน ภาคเอกชนที่เป็นเจ้าของโครงสร้างพื้นฐานไม่สามารถใช้แนวทางเดียวกันเพื่อออกแบบและใช้เครือข่าย 5G อย่างที่เคยทำกับ 3G และ 4G เนื่องจากจะทำให้ตกเป็นเหยื่อจากการถูกโจมตีอย่างง่ายได้

คลาวด์ คอมพิวติ้งจะมีมูลค่าน้อยลง

การแก้ไขการกำหนดค่าที่ไม่ถูกต้อง

การขาดแคลนคนเก่งไม่ใช่ในแบบที่คุณคิด

ความต้องการ: ความอยากรู้อยากเห็นและนักแก้ปัญหา ความต้องการบุคคลากรด้านไซเบอร์ซีเคียวริตี้จะยังคงแซงหน้าอุปทานจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงแนวคิดพื้นฐานด้านการบรรลุความสำเร็จระหว่างมนุษย์กับระบบอัตโนมัติ ระบบอัตโนมัติจะเป็นองค์ประกอบสำคัญในอนาคตของการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์เนื่องจากไม่มีความจำเป็นต้องใช้มนุษย์และมนุษย์ไม่จำเป็นต้องทำทุกอย่าง

 

บุคลากรจำเป็นต้องเสริมสร้างทักษะที่ระบบอัตโนมัติไม่สามารถทำได้และให้ความสำคัญกับงานที่มีความสำคัญกว่า เช่น การแก้ปัญหา การสื่อสารและการทำงานร่วมกัน บริษัท ต่างๆจำเป็นต้องหยุดค้นหาช้างเผือกที่เข้าใจยาก (พวกเขาไม่มีอยู่จริง!) และเริ่มมองหาผู้มีความสามารถที่เหมาะสม

ข้อมูลส่วนบุคคลเริ่มไม่ชัดเจน

กฎหมายความเป็นส่วนตัวของข้อมูลมีมากขึ้นและความขัดแย้งอำนาจอธิปไตยของข้อมูล คนส่วนใหญ่ไม่พิจารณา ให้รอบคอบในการแลกข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อผลประโยชน์ระยะสั้น เช่น แอพพลิเคชั่นที่ได้รับความนิยม เกมบนมือถือ หรือการแข่งขันออนไลน์ เพื่อตอกย้ำปัญหาที่เพิ่มขึ้นและปกป้องข้อมูลพลเมือง กฎระเบียบจึงกำลังถูกสร้างขึ้นมาจากกฎหมายความเป็นส่วนตัว อาทิ ข้อมูลพลเมืองที่อยู่อาศัยในประเทศภูมิลำเนา

อย่างไรก็ตาม การสร้างดาต้าเซ็นเตอร์ในพื้นที่ไม่ได้ช่วยให้ข้อมูลมีความปลอดภัยมากขึ้น เนื่องจากผู้ใช้งานหรือองค์กรเชื่อมต่อและเสี่ยงต่อการโจมตีระดับโลกมากขึ้น