หากเอ่ยถึงชื่อ “Ticon” ถือว่าเป็นผู้นำการให้บริการสมาร์
นายโสภณ ราชรักษา ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น จำกัด (มหาชน) เล่าว่า การนำสมาร์ทโซลูชั่นมาผสานเข้าสู่แพลตฟอร์มธุรกิจทำให้บริษัทมีโอกาสเติบโตอย่างมาก ถือว่าเป็นการขยายธุรกิจตามแผนโรดแมป 3 ปี ที่จะขับเคลื่อนองค์กรในทุกมิติ
สำหรับการประกาศวิสัยทัศน์ใหม่ครั้งล่าสุด เพื่อก้าวสู่การเป็น “ผู้นำการให้บริการสมาร์ทแพลตฟอร์มด้านอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรม” หรือ “The leading provider of smart industrial platform” โดยเน้นการนำเทคโนโลยีขั้นสูงมาพัฒนาและต่อยอดธุรกิจเพื่อให้เกิดมูลค่าและประสิทธิภาพให้ธุรกิจ
เน้นไปที่ 3 กลุ่ม
สำหรับการเดินหน้าให้บริการ ยังคงเป็น 3 กลุ่มธุรกิจที่บริษัทคุ้นเคย ได้แก่
- กลุ่มอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรม (Industrial Property)
- กลุ่มดาต้าเซ็นเตอร์ (Data Centre)
- กลุ่มสมาร์ทโซลูชั่น (Smart Solution)
ซึ่งจะดำเนินงานควบคู่ไปกับแนวทางการจับมือกับพันธมิตรชั้นนำที่มีความเชี่ยวชาญ เพื่อผนึกศักยภาพและนำมาเสริมธุรกิจให้แข็งแกร่ง
สำหรับแนวทางในการนำเทคโนโลยีมาเสริมศักยภาพให้ทั้ง 3 กลุ่มธุรกิจ มีดังนี้
- กลุ่มอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรม (Industrial Property) เดินหน้านำระบบออโตเมชั่น (Automation) เทคโนโลยีสมัยใหม่ และโครงสร้างพื้นฐานทางด้านเทคโนโลยี มาพัฒนาพื้นที่ให้บริการให้สามารถรองรับกลุ่มอุตสาหกรรม New S-Curve ในยุค 4.0 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมเพิ่มมูลค่าสินค้าและบริการ ก้าวสู่การเป็นผู้ให้บริการคลังสินค้าและโรงงานอัจฉริยะ (Smart Logistics and Smart Factory) ทั้งยังอยู่ในรูปแบบของการพัฒนาโครงการอย่างยั่งยืน มุ่งสู่การเป็นอุตสาหกรรมสีเขียว
- กลุ่มดาต้าเซ็นเตอร์ (Data Centre) หลังจากได้ประกาศจับมือกับ “เอสทีที จีดีซี” (STT GDC) บริษัทชั้นนำด้านการให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์จากสิงคโปร์ เพื่อรุกธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์ในประเทศไทย ล่าสุดเตรียมแผนเดินหน้านำเทคโนโลยี ความรู้ ความเชี่ยวชาญของทั้งสององค์กรมาใช้พัฒนาดาต้าเซ็นเตอร์ขนาดใหญ่แห่งแรกบนพื้นที่ยุทธศาสตร์ใจกลางกรุงเทพฯ ตั้งเป้าเป็นดาต้าเซ็นเตอร์ที่ทันสมัย และปลอดภัย มาตรฐานระดับสากล รองรับความต้องการของผู้ประกอบการขนาดใหญ่ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
- กลุ่มสมาร์ทโซลูชั่น (Smart Solution) การผนึกพันธมิตร จัสท์โค (JustCo) ผู้ให้บริการโคเวิร์กกิ้งสเปซ (Co-working space) ระดับพรีเมี่ยมอันดับหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในสัดส่วนการลงทุน ไทคอน 51% จัสท์โค 49% ซึ่งจัสท์โคมีความเชี่ยวชาญ ทั้งด้านการวิเคราะห์ข้อมูล เทคโนโลยีเกี่ยวกับสถานที่ทำงาน และการบริหารจัดการกลุ่มลูกค้าสมาชิก ซึ่งจะช่วยสนับสนุนเป้าหมายของไทคอนในการนำเสนอโซลูชั่นที่ครบวงจรมากยิ่งขึ้นให้กับลูกค้า
อย่างไรก็ตาม การมีพาร์ทเนอร์ที่เหมาะสมนั้น จะช่วยให้บริษัทมีโอกาสในการขยายธุรกิจได้อย่างแข็งแรงข้ึน รวมทั้งการนำฐานลูกค้าเดิม เทคโนโลยีและแพลตฟอร์มที่มีมาพัฒนาบริการที่ตอบสนองความต้องการลูกค้า ทางด้านของการลงทุน บริษัทได้ลงทุนด้วยเม็ดเงินกว่า 10,000 ล้านบาท ในการพัฒนาคลังสินค้าขนาด 1 แสนตารางเมตร เพื่อต่อยอดในการพัฒนาอาคารด้วยเทคโนโลยี รวมทั้งเตรียมลงทุนพัฒนาด้านดาต้าเซ็นเตอร์เพิ่มเติม