Google และ Kantar ได้ทำการสำรวจนักท่องเที่ยวในเอเชียแปซิฟิก จำนวน 7,000 คนเพื่อให้เห็นข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับแรงจูงใจและปัจจัยสำคัญว่าอะไรคือสิ่งที่นักท่องเที่ยวเหล่านี้สนใจ เพื่อเป็นข้อมูลเชิงลึกสำคัญ 2 ข้อและกลยุทธ์การตลาดที่จะช่วยแบรนด์และนักการตลาดในการเพิ่มยอดขายและความชื่นชอบแบรนด์ (Brand Preference) ให้เกิดผลลัพธ์ที่ดี
นักท่องเที่ยวมีแรงจูงใจหลายแนว และมองหาประสบการณ์ที่ตรงใจ
นักเดินทางจากภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมีแรงจูงใจที่หลากหลายในการออกเดินทางท่องเที่ยว แคมเปญการตลาดของแบรนด์จึงต้องสื่อสารให้ตรงกับความต้องการอันมากมายของผู้คนในวงกว้างได้อย่างรวดเร็วพร้อมเนื้อหาที่เกี่ยวข้องสำหรับพวกเขา สาเหตุหนึ่งเป็นเพราะแรงจูงใจของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน โดย 68% ของนักเดินทางยอมรับว่าความต้องการในการท่องเที่ยวของตนแตกต่างจากเพื่อน
นอกจากนี้แรงจูงใจยังต่างกันไปในแต่ละทริป โดย 64% กล่าวว่าความชอบสำหรับทริปที่ไปคนเดียวกับทริปครอบครัวนั้นก็ยังไม่เหมือนกัน และแรงจูงใจหลักยังมีแนวโน้มว่าจะต่างกันไปขึ้นอยู่กับว่าพวกเขามาจากที่ไหน
แรงจูงใจอันดับ 1 ในการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวในเอเชียแปซิฟิกคือ การผ่อนคลายความเครียด สำหรับการท่องเที่ยวในอินเดียและออสเตรเลีย, รู้สึกเหมือนได้ให้รางวัลตัวเอง สำหรับการท่องเที่ยวในเกาหลี ญี่ปุ่น และไทย, เป็นการผจญภัยสำหรับการท่องเที่ยว ในอินโดนีเซีย ในแต่ละทริป นักเดินทางมีแรงจูงใจโดยเฉลี่ย 4.7 ข้อที่อยากจะทำระหว่างทริป ซึ่งหมายความว่าแรงจูงใจอาจไม่เหมือนกันเลยในแต่ละวัน
นอกจากแรงจูงใจมากมายเหล่านี้แล้ว นักเดินทางจากเอเชียแปซิฟิกยังชอบสัมผัสประสบการณ์ที่หลากหลาย เมื่อขอให้เล่าถึงทริปท่องเที่ยวครั้งล่าสุด พวกเขาเลือกประเภททริป 3.8 ประเภทโดยเฉลี่ย เช่น ทริปกิน ทริปธรรมชาติ หรือทริปท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม
การได้รับประสบการณ์ที่หลากหลายสำคัญสำหรับพวกเขามากกว่าการไปท่องเที่ยวเฉพาะที่ใดที่หนึ่ง โดย 46% ยินดีเลือกสถานที่คล้ายคลึงกัน ซึ่งมีราคาย่อมเยากว่าและนักท่องเที่ยวน้อยกว่า แต่ให้ประสบการณ์แบบเดียวกับสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดัง
แบรนด์จึงควรใช้ความสามารถของ AI ในการตลาดเพื่อให้ข้อมูลท่องเที่ยวที่มีความเกี่ยวข้องสูงสำหรับผู้คนในวงกว้างได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งตอบสนองต่อแรงจูงใจจำนวนมากของนักเดินทางจากเอเชียแปซิฟิก
ตัวอย่างเช่น ใช้ AI ในการสร้างและแสดงเนื้อหาดิจิทัลเพื่อนำเสนอสิ่งที่นักเดินทางต้องการ ซึ่งจริงๆ แล้วนักเดินทางจำนวนมากใช้บริการด้านการท่องเที่ยวที่ทำงานด้วย AI กันอยู่แล้ว โดย 61% ใช้เครื่องมือ AI ระหว่างการวางแผนหรือการจอง ซึ่ง 61% ของนักท่องเที่ยวที่ตอบแบบสำรวจ ใช้เครื่องมือ AI ในการวางแผนหรือการจอง ช่วยทำให้ความคุ้มค่าของสินค้าและบริการมีมากขึ้น
นักท่องเที่ยวให้ความสำคัญกับความคุ้มค่าและความน่าเชื่อถือ มากกว่าราคาที่ถูกที่สุด
นักเดินทางจากเอเชียแปซิฟิก มีแนวโน้มที่จะเลือกแบรนด์ที่คุ้มค่าและน่าเชื่อถือมากกว่าแบรนด์ที่แค่ให้ข้อเสนอราคาถูกที่สุด ปัจจัยสำคัญที่ผู้ตอบแบบสำรวจใช้ในการตัดสินใจเลือกแบรนด์หรือสายการบินมีอยู่ 2 สิ่ง ได้แก่
ความคุ้มค่าเงินและความน่าเชื่อถือของแบรนด์ ส่วนราคาจะใกล้เคียงกับผู้ให้บริการรายอื่นหรือไม่นั้น มีความสำคัญน้อยลงมา
ตัวอย่างพฤติกรรมผู้บริโภคในยุคดิจิทัลคือ นักท่องเที่ยวจากเอเชียแปซิฟิกเลือกแบรนด์หรือสายการบิน โดยพิจารณาจากความคุ้มค่าเงิน 45% ความน่าเชื่อถือ 39% รีวิวเชิงบวกจากลูกค้า 38% และราคาที่ถูกที่สุด 24%
คำจำกัดความของคำว่า “คุ้มค่า” สำหรับนักเดินทางมีตั้งแต่โรงแรมที่สะอาด และตั้งอยู่ใจกลางเมือง ไปจนถึงสายการบินที่มีเที่ยวบินตรง ที่นั่งอัปเกรด และเงื่อนไขการจองที่ยืดหยุ่น นอกจากนี้ผู้ให้บริการกิจกรรมการท่องเที่ยวที่มีความยืดหยุ่นด้านเวลาและให้ประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครก็ถือว่ามีความคุ้มค่าสำหรับพวกเขาเช่นกัน
ความคุ้มค่ายังอาจหมายถึงการได้ดีลดีๆ สำหรับข้อเสนอสุดหรู เช่น พวกเขาเต็มใจจ่ายหนักให้กับประสบการณ์ 1 หรือ 2 อย่าง ไม่ว่าจะเป็นที่นั่งชั้นธุรกิจหรือการพักโรงแรมสุดหรูสักคืน พฤติกรรมนี้พบได้มากเป็นพิเศษในหมู่นักท่องเที่ยวจากอินเดีย จีน และไทย โดย 60% ของนักท่องเที่ยวจากประเทศเหล่านี้ยินดีจ่ายให้กับ “ความหรูหราในราคาที่เอื้อมถึง”
การสร้างความไว้วางใจและแสดงให้เห็นถึงความคุ้มค่าของข้อเสนอ จะดึงดูดนักเดินทางจากเอเชียแปซิฟิกบนแพลตฟอร์มที่พวกเขาเชื่อถือ
สำหรับนักท่องเที่ยวในภูมิภาคนี้ YouTube คือแพลตฟอร์มวิดีโอที่พวกเขาชื่นชอบเป็นอันดับ 1 สำหรับการค้นหาข้อมูลที่น่าเชื่อถือ
“ก่อนจะวางแผนการตลาด ต้องเข้าใจว่าการโฆษณาบน YouTube อาจเป็นผลดีต่อแบรนด์เพราะ YouTube คือแพลตฟอร์มวิดีโอที่นักท่องเที่ยวจากเอเชียแปซิฟิกชื่นชอบเป็นอันดับ 1 สำหรับการค้นหาข้อมูล “
นอกจากนี้ YouTube ยังเป็นแพลตฟอร์มที่มีอิทธิพลต่อนักเดินทางในทุกขั้นตอนของเส้นทางการซื้อ (Customer Journey) รวมถึงเป็น Touchpoint อันดับ 1 ที่ใช้หาแรงบันดาลใจในการท่องเที่ยวและเป็นเครื่องมือหลักในการค้นหาข้อมูลควบคู่ไปกับบริษัทท่องเที่ยว, Google Search และเว็บไซต์ของผู้ให้บริการ YouTube จึงสร้างการรับรู้ (Awareness) ที่นำไปสู่ผลลัพธ์ในท้ายที่สุด
ผลลัพธ์แสดงให้เห็นว่า 84% ของแคมเปญการตลาดบน YouTube เพิ่มยอดขายออฟไลน์ได้อย่างมาก11 แบรนด์ท่องเที่ยวจึงน่าจะได้ผลลัพธ์ที่ดีเช่นกันหากลงทุนกับการตลาดผ่านวิดีโอสำหรับตลอดทั้ง Funnel ไม่ใช่เพียง Lower Funnel เท่านั้น
ที่มา : Think With google