แท็กซี่ Uber ก้าวสู่การควบคุมโดย A.I.

อาจกล่าวได้ว่า มนุษย์เดินมาถึงยุคที่ปัญญาประดิษฐ์เฟื่องฟูอย่างแท้จริง โดยมีการนำ A.I. มาใช้กันทั่วทุกวงการ ไม่เว้นแม้แต่วงการแท็กซี่ ซึ่งล่าสุดเป็นทางค่าย Uber ที่เปิดตัว Uber A.I. Labs ขึ้นแล้วอย่างเป็นทางการ โดยรวบรวมนักวิจัยเฉพาะทางสำหรับแผนกนี้มาถึง 15 คน

ส่วนความคาดหวังที่มีต่อทีมผู้เชี่ยวชาญด้าน A.I. ทีมใหม่จาก Uber นั้น ในระยะสั้นอาจเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการลูกค้า ยกตัวอย่างเช่น การทำนายได้ล่วงหน้าว่าพื้นที่ใดจะมีผู้ต้องการใช้รถ เพื่อให้รถของ Uber มีโอกาสรับผู้โดยสารได้มากกว่าคู่แข่งรายอื่นๆ  หรือเพื่อให้บริการส่งอาหาร (Food Delivery) ทำได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งทำได้โดยดึงข้อมูลต่างๆ มาใช้ในการพยากรณ์ เช่น ข้อมูลสภาพอากาศ ฯลฯ

ส่วนระยะยาว Uber มองไกลไปถึงยุคที่รถอัตโนมัติ Self-Driving Car จะออกวิ่งให้บริการบนท้องถนน ซึ่งเมื่อถึงวันนั้น A.I. จะเป็นฟันเฟืองชิ้นสำคัญทีเดียว (ปัจจุบันมี Self-Driving Car ของ Uber ออกวิ่งทดสอบอยู่ในเมือง Pittsburge และ San Francisco สหรัฐอเมริกาแล้ว โดยภายในรถยังมีพนักงานนั่งอยู่หลังพวงมาลัย และพร้อมจะเข้าควบคุมรถทันทีที่เกิดเหตุฉุกเฉิน)

โดยหลังจากนี้ไป Uber จะเริ่มสรรหาบุคลากรผู้มีความเชี่ยวชาญด้าน A.I. มาเสริมทัพอีกหลายอัตรา และมีแผนจะเปิดสำนักงานในอังกฤษด้วย

สำหรับความแตกต่างของ A.I. ที่ Uber พัฒนาอยู่เมื่อเทียบกับการพัฒนาของ Google หรือ Facebook ก็คือ การใช้ตัวอย่างที่น้อยกว่ามากในการฝึกให้ระบบได้เรียนรู้ เพราะดังที่เราทราบกันดีก็คือ Machine Learning ของ Google และ Facebook นั้น เน้นการฟีดข้อมูลจำนวนมหาศาลให้ระบบได้จดจำ แต่เทคนิคของ Uber นั้นทำให้ระบบใช้ข้อมูลตัวอย่างที่น้อยกว่านั่นเอง ซึ่งในจุดนี้ Uber มองว่า ระบบใหม่ของตัวเองนั้นเป็นระบบที่มีประสิทธิภาพมากกว่า และน่าจะเหมาะกว่าในการใช้งานด้านการจราจร และก็หวังว่าพนักงานขับรถของ Uber จะเห็นสัญญาณเตือนที่ดังขึ้นเรื่อย ๆ นี้แล้ว

ที่มา TheVerge