Site icon Thumbsup

มหากาพย์อเมริกา-จีน-ฮ่องกง ศึกความมั่นคงและเศรษฐกิจ

ภาพจาก flickr

ในสัปดาห์ที่ผ่านมาชาวฮ่องกงนับหมื่นคนออกมาชุมนุมประท้วง หลังรัฐบาลจีนเสนอกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติซึ่งเกี่ยวข้องกับการประท้วงในฮ่องกง ด้านสหรัฐขู่พร้อมตัดสถานะพิเศษการค้าและถอดฮ่องกงออกจากศูนย์กลางการค้าของโลก ทั้งหมดมีที่มาอย่างไร แล้วจะส่งผลกระทบอะไรบ้าง?

วันที่ 28 พ.ค. 63 สภาประชาชนแห่งชาติจีนลงมติเห็นชอบผ่านร่างกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติฉบับใหม่ ซึ่งกำหนดให้พฤติกรรมการแบ่งแยกดินแดน การบ่อนทำลายอำนาจของรัฐบาลกลาง และกิจกรรมของต่างชาติที่เข้ามาแทรกแซงในฮ่องกงเป็นอาชญากรรม นอกจากนี้ยังเปิดทางให้รัฐบาลจีนสามารถตั้งหน่วยงานความมั่นคงแห่งชาติขึ้นในฮ่องกงได้อีกด้วย

ด้านสหรัฐอเมริกา ไมค์ พอมเพโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ประกาศว่า

“ฮ่องกงไม่เหลืออำนาจในการปกครองตนเองตามคำสัญญาของรัฐบาลจีนอีกต่อไป พร้อมเตรียมถอดฮ่องกงออกจากสถานะพิเศษภายใต้กฎหมายสหรัฐฯ และจะยืนหยัดเคียงข้างประชาชนฮ่องกง”

ขณะที่ แคร์รี่ แลม ผู้ว่าการเขตปกครองพิเศษฮ่องกง ระบุว่า ฮ่องกงจำเป็นต้องมีกฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่ เนื่องจากฮ่องกงต้องป้องกันภัยคุกคามที่เกิดจากกลุ่มคนต้องการให้ต่างประเทศเข้าแทรกแซงการบริหารงานในฮ่องกงเพื่อการแยกตัวออกจากจีน

จ้าว ลี่เจียน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีนตอบโต้ “หากสหรัฐยืนกรานทำร้ายผลประโยชน์ของจีน จีนจะต้องใช้มาตรการที่จำเป็นทุกอย่างเพื่อตอบโต้และต่อต้าน”

 “สถานะพิเศษ” ของฮ่องกงในการค้ากับสหรัฐฯ

หากสหรัฐฯ ลดสถานะพิเศษของฮ่องกง ซึ่งจะส่งผลให้ฮ่องกงสูญเสียสถานะศูนย์กลางการค้าและการเงินระดับโลกด้วยเช่นกัน แต่การใช้มาตรการภาษีอาจส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจรุนแรงต่อทั้งสหรัฐฯและฮ่องกง

ข้อมูลจากสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ ในปี 2561 การค้าสินค้าและบริการของสหรัฐกับฮ่องกงมีมูลค่ารวมกว่า 6.6 หมื่นล้านดอลลาร์ และสหรัฐเป็นประเทศที่ได้เปรียบดุลการค้าที่มีต่อฮ่องกงมากที่สุดในโลก นอกจากนี้มีบริษัทของสหรัฐมากกว่า 1,300 แห่งที่จดทะเบียนและเปิดสาขาอยู่ในฮ่องกง

ความขัดแย้งทั้งด้านการเมืองและเศรษฐกิจดังกล่าวส่งผลให้บรรดานักธุรกิจและเศรษฐีมีแนวโน้มว่าจะโยกย้ายทรัพย์สินออกจากฮ่องกงไปที่อื่น เนื่องจากก่อนหน้านี้มุมมองของนานาชาติ ฮ่องกงเป็นสถานที่ที่มีเสรีภาพและน่าดึงดูดในการทำธุรกิจ แต่การออกกฎหมายของจีนและสหรัฐอาจทำให้สิ่งเหล่านี้หายไป

ความตึงเครียดระหว่างสองมหาอำนาจสหรัฐกับจีนที่ตึงเครียดจากสงครามการค้าในปีที่ผ่านมา และเพิ่มมากขึ้นหลังสหรัฐกลายเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 มากที่สุดในโลก

อ้างอิง CNN, CBC, Reuters