Site icon Thumbsup

ยุคดิจิทัลเช่นนี้ แต่ทำไม Target จึงลงโฆษณาเฉพาะกับ Vogue เล่มพิเศษเดือนกันยายน?

apple-watch-vogue-ad_6109-640x0
นิตยสาร Vogue เล่มพิเศษเดือนกันยายน 2015 ซึ่งจะมีความหนา 832 หน้ากระดาษนั้นถูกนักการตลาดจับตามองทั่วโลก โดยเฉพาะเมื่อแบรนด์ค้าปลีกดังของสหรัฐฯอย่าง Target ตัดสินใจลงโฆษณาชิ้นเดียวของปีกับ Vogue เล่มนี้จำนวน 11 หน้า ซึ่งทั้งหมด Target มั่นใจมากว่าจะสามารถตอบโจทย์ลูกค้าในยุคดิจิทัลได้ แถมเป็นกลุ่มผู้ใช้สมาร์ทโฟนที่เหล่าแบรนด์ตั้งไว้เป็นกลุ่มเป้าหมายอันดับ 1

Vogue ฉบับพิเศษนั้นมีนางแบบปกหน้าคือ Beyoncé ในเล่มจะมีโฆษณาของ Target ในรูปงานถ่ายแฟชัน 11 หน้ากระดาษซึ่งประกอบด้วยสินค้าของ Target ทั้งหมด โฆษณารูปถ่ายเซ็ตนี้เองที่จะทำให้ Target เข้าถึงผู้ใช้สมาร์ทโฟนได้ เพราะ Target ร่วมมือกับเอเจนซี่ Mother New York และแอป Shazam

Shazam คือเคล็ดลับที่ทำให้ Target เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายบน Vogue ได้อย่างชัดเจน เนื่องจากซอฟต์แวร์วิเคราะห์ข้อมูลดิจิทัลของ Shazam ทำให้ผู้อ่าน Vogue ที่สนใจซื้อสินค้าบนโฆษณาของ Target สามารถเปิดหน้าสินค้าบนสมาร์ทโฟนได้ทันที เพียงถ่ายหรือสแกนภาพด้วยแอพพลิเคชัน Shazam

Shazam เป็นบริการที่โด่งดังในเรื่องความสามารถในการวิเคราะห์เพลง ระบบจะสามารถฟังเสียงเพลงแล้วบอกกับผู้ใช้ว่าเสียงที่ได้ยินคือเพลงอะไร รายงานระบุว่าปัจจุบัน Shazam มีผู้ใช้มากกว่า 100 ล้านรายทั่วโลก โดยนอกจากเพลง Shazam ขยายความสามารถให้รองรับการวิเคราะห์รายการทีวี และล่าสุดคือการวิเคราะห์ภาพถ่าย ที่ผู้ใช้จะสามารถรับรู้ได้ทันทีว่าจะสามารถซื้อสินค้าที่เห็นในภาพได้จากที่ใด

กรณีของ Target โฆษณาทั้ง 11 หน้ากระดาษนี้ประกอบด้วยสินค้าของบริษัทมากกว่า 100 ชิ้น โดย 30 ชิ้นจะเปิดให้ผู้ใช้ Shazam คลิกซื้อผ่านหน้าจอสมาร์ทโฟนได้ทันทีผ่านปุ่ม “shop now” ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นบนแนวคิดการอำนวยความสะดวกให้ผู้บริโภคสามารถซื้อสินค้าได้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

ความเคลื่อนไหวนี้สะท้อนว่าทั้ง Target และ Vogue กำลังพยายามหาส่วนผสมที่พอเหมาะสำหรับส่งเสริมธุรกิจ online shopping ของตัวเอง หลังจากที่แบรนด์ไอทีรายใหญ่อย่าง Google และ Facebook พร้อมใจกันเพิ่มคุณสมบัติ “buy now” ผ่านปุ่มซื้อแสนสะดวก ซึ่งทำให้แบรนด์ค้าปลีกมียอดขายลดลงอย่างเห็นได้ชัด

ทั้ง Target และ Vogue ไม่ใช่แบรนด์แรกที่กระโดดเข้าใส่เทคโนโลยีวิเคราะห์ข้อมูลดิจิทัลของ Shazam ก่อนหน้านี้ ทั้ง Levi’s และ Walt Disney Company เคยลงโฆษณาด้วยเทคโนโลยีนี้เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โดยพันธมิตรของ Shazam นั้นมีทั้งสิ่งพิมพ์ในเครือ HarperCollins Publishers, Esquire และ Merchbar

ไม่แน่ นี่อาจเป็นแสงสว่างปลายอุโมงค์ของอุตสาหกรรมนิตยสารก็ได้

ที่มา : Adweek