Site icon Thumbsup

[Infographic] 10 ปัจจัยที่ทำให้คนควักกระเป๋าซื้อสินค้า

influence

รู้หรือไม่ว่า การ “ซื้อแล้วเปลี่ยนได้” คือ 1 ใน 10 เหตุผลหรือ 10 ปัจจัยที่ทำให้ผู้บริโภคควักเงินในกระเป๋าออกมาซื้อสินค้าสักชิ้น โดย “คุณภาพของสินค้า” ยังคงเป็นปัจจัยหลักที่มีผลต่อการตัดสินใจมากที่สุด

บทความในครั้งนี้เป็นการรวบรวมข้อมูลจากเว็บไซต์ Bigcommerce.com ในกลุ่มตัวอย่างเกี่ยวกับพฤติกรรมการซื้อสินค้ายุคปัจจุบัน โดยผลการสำรวจพบว่า ปัจจัยสำคัญที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของผู้บริโภคในการซื้อสินค้ามาเป็นอันดับ 3 อันดับแรก คือ คุณภาพของสินค้า (56%) การส่งสินค้าฟรี (49%) สามารถคืนหรือแลกเปลี่ยนสินค้าได้ง่าย (35%) รวมไปถึงปัจจัยรองลงมาอย่าง การรีวิวสินค้า ความสะดวกในการชำระเงิน เป็นสินค้าใหม่ มีรูปแบบและขนาดให้เลือกหลากหลาย

นอกจากปัจจัยเหล่านี้ ยังพบว่ามีปัจจัยอื่นที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อสินค้าของผู้บริโภคในยุคนี้ไม่แพ้กัน คือ เว็บไซต์ โทรศัพท์มือถือ และโซเชียลมีเดีย

ในปัจจุบันทั้ง “เว็บไซต์” และ “โทรศัพท์มือถือ” กลายเป็นช่องทางสำคัญในการหาข้อมูลเพื่อประกอบการตัดสินใจของผู้บริโภคในการซื้อสินค้า ซึ่งการใช้งานเว็บไซต์ส่วนใหญ่เน้นไปที่การหาข้อมูลสินค้าก่อนซื้อสินค้าที่ร้านค้าเป็นหลัก การที่แบรนด์นำรูปแบบในการทำการตลาดอย่าง วีดีโอมานำเสนอบนเว็บไซต์ ก็จะยิ่งเป็นการเพิ่มแรงจูงใจและกระตุ้นการซื้อสินค้าของผู้บริโภคให้เพิ่มสูงขึ้น

ตามคาด การสำรวจพบว่าผู้ใช้งานโทรศัพท์มือถือมักค้นหาข้อมูลสินค้าขณะอยู่ในร้านค้า ไม่ว่าเป็น การเช็คราคาสินค้า อ่านรีวิวและการหาข้อมูลสินค้าเพิ่มเติม โดยผลการสำรวจพบว่าในปี 2012 ที่ผ่านมา การตัดสินใจซื้อสินค้าขณะอยู่ในร้านของผู้บริโภคมีสัดส่วนเพิ่มสูงขึ้นกว่าเดิมจาก 70% เป็น 76% ซึ่งส่วนหนึ่งอาจเป็นผลมาจากอิทธิพลของโทรศัพท์มือถือด้วยเช่นกัน

อีกปัจจัยสำคัญที่ขาดไม่ได้เลย คือ “โซเชียลมีเดีย” ผลสำรวจพบว่า การแนะนำจากเพื่อนที่โพสต์ผ่านโซเชียลมีเดียมีผลโดยตรงต่อการตัดสินใจซื้อสินค้าสูงสุดมาเป็นอันดับ 1 (81%) รองลงมาเป็นภาพสินค้าที่ถูกโพสผ่านโซเชียลมีเดีย (44%) และการที่เว็บไซต์มีการอัพเดทข้อมูลอย่างสม่ำเสมอ (40%)

นอกจากนี้ยังพบว่า “สถานที่ผลิตสินค้า” ที่ถูกระบุอยู่บนป้ายสินค้าก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ผู้บริโภคส่วนใหญ่ให้ความสำคัญในการซื้อสินค้าด้วยเช่นกัน โดยผู้บริโภคกว่า 76% มีแนวโน้มการซื้อสินค้าเพิ่มสูงขึ้นเมื่อพบว่าสินค้าถูกผลิตขึ้นในสหรัฐฯ (Made in U.S.A) แต่ในทางกลับกันอีก 56% ของผู้บริโภคมีแนวโน้มการซื้อสินค้าลดลงเมื่อพบว่าสินค้าถูกผลิตขึ้นในจีน (Made in China)

Bigcommerce.com ยังได้สำรวจถึงคุณสมบัติสำคัญที่ร้านค้าทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์ควรให้ความสำคัญในการทำธุรกิจ คือ ราคาสินค้าที่สามารถแข่งขันได้ (80%) มีการขายผ่านทางสินค้าออนไลน์เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภค (62%) มีความเร็วในการส่งสินค้า (54%) รวมไปถึงการการรีวิวสินค้าผ่านทางออนไลน์ มีการแสดงขั้นตอนและวิธีการใช้งานของสินค้า และการแนะนำผ่านโซเชียลมีเดีย

ที่มา: Visual.ly