Site icon Thumbsup

เปิดโมเดลธุรกิจ ZUM ขยายฐานเพิ่มทุนลุยตลาด “UBER เพื่อเด็ก”


Zum เป็นบริการที่ถูกขนานนามว่า Uber for kids วันนี้ Zum ได้รับเงินทุนเพิ่มจนมีความพร้อมขยายบริการสู่หลายเมือง โอกาสสู่ความสำเร็จนี้ทำให้ Zum ถูกจับตามอง ในฐานะบริการรถร่วมเดินทางน้องใหม่ที่สามารถเจาะเซ็กเมนต์ย่อยได้อย่างน่าทึ่ง

Zum นั้นมีฐานรูปแบบบริการคล้ายกับ Uber นั่นคือการเป็นแอปพลิเคชันเรียกรถร่วมเดินทางแบบตามต้องการหรือ on-demand ride-hailing แต่จุดต่างคือการกำหนดให้รถที่เข้าร่วมต้องมีเบาะนั่งสำหรับเด็กหรือคาร์ซีท และต้องเป็นผู้ขับที่ได้รับการรับรองจาก CPR หรือมีใบอนุญาตถูกต้องสำหรับการขับรถรับส่งผู้โดยสารในประเทศนั้น

การที่ผู้ขับรถในบริการ Zum ได้รับใบรับรองนั้นถือเป็นจุดต่างสำคัญ เพราะ Zum จะได้ชื่อว่าเป็นบริการที่มีการตรวจสอบปูมหลังและประวัติเชิงลึกของผู้ขับ สร้างความมั่นใจให้พ่อแม่ผู้ปกครองได้ดีกว่า

วันนี้ Zum ส่อแววอนาคตไกล เพราะสามารถระดมทุนกว่า 40 ล้านเหรียญสหรัฐในการขายหุ้นซีรีส์ C แถมรอบนี้ยังเป็นการเทเงินทุนจากกลุ่มที่นำโดย BMW i Ventures ซึ่งชื่อก็บอกชัดว่าเป็นค่ายรถเงินหนาที่มีลูกค้าอยู่ทั่วโลก

นอกจาก BMW i Ventures เงินทุนรอบใหม่ของ Zum ยังมาจาก Volvo Cars Tech Fund รวมถึง Draper Nexus ด้วย สะท้อนว่าค่ายรถมองเห็นศักยภาพของ Zum ในการบุกตลาดโลก ทั้งหมดนี้ยังมีนักลงทุนหน้าใหม่จาก NGP Capital, Clearvision ร่วมกับนักลงทุนเดิมคือ Sequoia Capital และ Spark Capital

เบ็ดเสร็จแล้ว Zum สามารถระดมเงินทุนทั้งหมดมากกว่า 67 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เม็ดเงินมหาศาลนี้สำคัญมากเพราะ Zum จะมีโอกาสบุกตลาดโลกได้เร็วขึ้น จากที่ปัจจุบัน Zum สามารถช่วยผู้ปกครองแบ่งเบาภารกิจขับรถรับส่งลูกได้

ขณะนี้ Zum ให้บริการลูกค้าที่เป็นเด็กจำนวนมาก โดยรับส่งเด็กจากที่บ้านไปโรงเรียนและจากโรงเรียนไปสู่กิจกรรมหลังเลิกเรียนทั่วแคลิฟอร์เนีย ทั้งโรงเรียนเปียโน เทควันโด หรืออื่นๆ สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตคือ Zum จะขยายบริการไปที่ดัลลัส และชิคาโกซึ่งจะช่วยให้โรงเรียนประหยัดค่าใช้จ่าย รวมถึงการเพิ่มทางเลือกการขนส่งได้อีกทาง

มีการประเมินว่าเงินทุนรอบใหม่จะทำให้ Zum สามารถเข้าสู่อุตสาหกรรมรับส่งนักเรียนมูลค่า 23,000 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี โดยในปี 2018 ที่ผ่านมา Zum มีการร่วมมือกับโรงเรียนกว่า 150 แห่งในกว่า 400 เมือง คาดว่าในปี 2019 น้องใหม่อย่าง Zum จะขยายบริการเพื่อรองรับตลาดนอกแคลิฟอร์เนีย โดยมีเป้าหมายที่จะเพิ่มจำนวนเมืองเป็น 2 เท่าภายในปี 2020

ที่มา: : FastCompany