ในที่สุดข่าวลือที่หนาหูตลอดปีที่ผ่านมาก็กลายเป็นความจริง และดูเหมือนว่าซัมซุงจะไม่ยอมให้ใครมาแย่งบัลลังก์เจ้าแห่งนวัตกรรมจอพับไปง่าย ๆ วันนี้ (2 ธันวาคม 2025) Samsung Electronics ได้ประกาศเปิดตัว Galaxy Z TriFold อย่างเป็นทางการที่กรุงโซล เกาหลีใต้ นี่ไม่ใช่แค่มือถือพับได้ธรรมดา แต่มันคือนิยามใหม่ของ Mobile Innovation ที่จะมาเขย่าตลาดสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตให้สะเทือนเลือนลั่นส่งท้ายปี
สำหรับพวกเราชาว Thumbsup ที่ติดตามเทรนด์เทคโนโลยีและการตลาดมาตลอด การเปิดตัวครั้งนี้มีความหมายมากกว่าแค่ Gadget รุ่นใหม่ แต่มันคือการส่งสัญญาณว่า “Form Factor” ของอุปกรณ์พกพากำลังจะเปลี่ยนไปตลอดกาล ลองมาเจาะลึกกันว่าทำไมเจ้า Galaxy Z TriFold ถึงเป็นสิ่งที่น่าจับตามองที่สุดในเวลานี้ และมันจะเข้ามาเปลี่ยนวิถีการทำงานของพวกเราได้อย่างไร

Design & Display ศิลปะแห่งการพับที่ก้าวข้ามขีดจำกัด
ถ้าพูดถึง Pain Point ของมือถือจอพับรุ่นก่อ นๆ หลายคนคงนึกถึงความหนาและความกังวลเรื่องความทนทาน แต่ Samsung ทำการบ้านมาดีมากด้วยประสบการณ์กว่าทศวรรษในวงการนี้ Galaxy Z TriFold มาพร้อมดีไซน์ที่พับได้สองทบ (Double-folding) แต่เมื่อกางออกจะกลายเป็นหน้าจอขนาดมหึมาถึง 10 นิ้ว
ตัวเลข 10 นิ้วนี้มีความหมายมากในเชิงจิตวิทยาและการใช้งานจริง เพราะมันคือเส้นแบ่งระหว่าง “มือถือ” และ “แท็บเล็ต” ที่จางหายไป เมื่อคุณพับเก็บ มันคือสมาร์ทโฟนระดับพรีเมียมที่มีหน้าจอ Cover Screen ขนาด 6.5 นิ้ว อัตราส่วน 21:9 ความละเอียด FHD+ ที่ใช้งานมือเดียวได้สะดวก ไม่ต่างจากสมาร์ทโฟนทรงแท่งทั่วไป แต่เมื่อกางออก มันคือ Canvas ขนาดใหญ่ที่รองรับการทำงานและความบันเทิงระดับ Cinematic ด้วยความละเอียดระดับ QXGA+ (2160 x 1584) และรีเฟรชเรท 120Hz แบบ Adaptive
จุดที่น่าสนใจในเชิง Engineering คือความบาง เชื่อไหมว่าเมื่อกางออก ส่วนที่บางที่สุดของเครื่องมีความหนาเพียง 3.9 มิลลิเมตร เท่านั้น (บริเวณหน้าจอที่มีถาดซิม) ในขณะที่ส่วนอื่น ๆ หนา 4.0 มม. และ 4.2 มม. ตามลำดับ Samsung เลือกใช้ดีไซน์การพับแบบ “Inward-folding” หรือพับเข้าด้านในทั้งสองด้านเพื่อปกป้องหน้าจอหลัก ซึ่งต่างจากคู่แข่งบางรายในตลาดอย่าง Huawei Mate XT ที่ใช้การพับแบบ Z-shape การออกแบบลักษณะนี้ช่วยลดความเสี่ยงที่หน้าจอจะขูดขีดขณะพกพาได้ดีกว่า
ส่วนวัสดุฝาหลังใช้เป็น Ceramic-glass fiber reinforced polymer ที่ทั้งบางและทนทานต่อรอยแตกร้าว ขณะที่เมื่อพับเก็บ ตัวเครื่องจะมีความหนารวม 12.9 มม. ซึ่งหนากว่า Galaxy Z Fold 6 รุ่นก่อนหน้าเพียงเล็กน้อย และยังพกพาใส่กระเป๋าเสื้อสูทหรือกางเกงได้สบาย
Hinge Technology หัวใจสำคัญของความทนทาน
ความท้าทายที่สุดของมือถือ 3 พับคือ “บานพับ” และ Samsung ก็นำเสนอสิ่งที่เรียกว่า Armor FlexHinge ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาใหม่ โดยใช้โครงสร้างรางคู่ (Dual-rail) สองขนาดที่ทำงานสอดประสานกัน ทำให้การพับมีความสมูทและมั่นคง แถมยังหุ้มด้วยวัสดุไทเทเนียม (Titanium Hinge Housing) เพื่อความแข็งแกร่งสูงสุดและต้านทานการสึกหรอ
นอกจากนี้ ยังมีระบบ Auto-alarm ที่ฉลาดล้ำ คอยแจ้งเตือนผ่านหน้าจอและการสั่นหากผู้ใช้พับเครื่องผิดวิธี นี่คือ User Experience (UX) เล็ก ๆ น้อย ๆ ที่แสดงให้เห็นว่าแบรนด์ใส่ใจพฤติกรรมผู้ใช้งานจริงๆ เพราะของราคาแพงขนาดนี้ ความมั่นใจในการใช้งานคือสิ่งสำคัญที่สุด
สเปกจัดเต็มระดับ Ultra เพื่อคนทำงาน Pro-User
ในแง่ของประสิทธิภาพ Galaxy Z TriFold ไม่ได้มาเล่นๆ แต่กะมาทุบทุกสถิติ ด้วยขุมพลัง Snapdragon 8 Elite Mobile Platform for Galaxy (3 nm) ที่ปรับแต่งมาเฉพาะ ผสานกับ RAM 16GB และความจุเริ่มต้นที่ 512GB ไปจนถึง 1TB การใช้ชิปเซ็ตตัวท็อปสุดรับประกันได้ว่าการประมวลผล AI และการ Multitasking จะลื่นไหลไม่มีสะดุด
แบตเตอรี่ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ เพราะการมี 3 หน้าจอต้องใช้พลังงานมหาศาล Samsung จึงออกแบบระบบแบตเตอรี่ 3 เซลล์ กระจายอยู่ในแต่ละแผงของเครื่อง รวมความจุถึง 5,600 mAh ซึ่งถือว่าใหญ่ที่สุดในบรรดามือถือจอพับของแบรนด์ รองรับชาร์จไว Super-Fast Charging 2.0 (45W) ที่ชาร์จได้ 50% ในเวลาเพียง 30 นาที ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนทำงานที่เร่งรีบ
กล้อง 200MP บนจอพับ ครั้งแรกที่โลกต้องจารึก
ปกติแล้วมือถือจอพับมักจะถูกลดสเปกกล้องลงเพื่อแลกกับความบาง แต่กฎนั้นใช้ไม่ได้กับรุ่นนี้ เพราะ Galaxy Z TriFold ยัดกล้องหลักความละเอียด 200 ล้านพิกเซล (200MP) มาให้ ทำงานร่วมกับกล้อง Ultra-Wide 12MP และ Telephoto 10MP ที่ซูม Optical ได้ 3 เท่า และ Digital Zoom ได้สูงสุด 30x
บอกเลยว่าสาย Content Creator ต้องกรีดร้อง เพราะคุณจะได้คุณภาพไฟล์ระดับเรือธงในร่างที่กางออกมาตัดต่อวิดีโอได้ทันทีบนจอ 10 นิ้ว นอกจากนี้ยังมีกล้องหน้าทั้งบนจอนอกและจอใน ความละเอียด 10MP เพื่อรองรับการประชุม Video Conference ได้อย่างคมชัดในทุกโหมดการใช้งาน
Software & AI คือพระเอกตัวจริง
สิ่งที่ทำให้ Galaxy Z TriFold เหนือกว่าคู่แข่งไม่ใช่แค่ฮาร์ดแวร์ แต่คือซอฟต์แวร์ที่ปลดล็อกศักยภาพของหน้าจอ 10 นิ้วได้อย่างสมบูรณ์แบบ
- Multitasking ขั้นเทพ: ด้วยพื้นที่หน้าจอที่กว้างขึ้น ผู้ใช้สามารถเปิดแอปพลิเคชันพร้อมกันได้ถึง 3 แอปฯ ในแนวตั้ง (Portrait-sized) เหมือนมีมือถือ 3 เครื่องวางเรียงกัน เหมาะมากสำหรับสถาปนิกที่ต้องดูแบบ ร่างอีเมล และคำนวณตัวเลขไปพร้อมกัน หรือนักการตลาดที่ต้องดู Dashboard คุยงาน และเช็กโซเชียลมีเดียในเวลาเดียว
- Standalone DeX: นี่คือ Killer Feature อย่างแท้จริง ครั้งนี้ Samsung DeX สามารถรันบนหน้าจอของตัวเองได้เลยโดยไม่ต้องต่อจอนอก ผู้ใช้สามารถเปลี่ยน UI ให้กลายเป็น Desktop Mode ทำงานเอกสาร ดูพรีเซนต์ หรือจัดการไฟล์ได้เหมือนพกแล็ปท็อปติดตัว และยังรองรับการต่อจอนอกแบบ Extended Mode เพื่อเพิ่มพื้นที่ทำงานเป็น 2 จอได้อีกด้วย
- Galaxy AI & Gemini: ขับเคลื่อนด้วย AI เต็มรูปแบบ ทั้งฟีเจอร์ Photo Assist, Sketch to Image และที่เด็ดคือ Gemini Live แบบ Multimodal ที่เข้าใจสิ่งที่เราพูดและสิ่งที่เราเห็นบนหน้าจอไปพร้อมกัน เช่น คุณสามารถส่องกล้องไปที่ห้อง แล้วถาม AI ว่าควรซื้อเฟอร์นิเจอร์แบบไหนมาตกแต่ง โดย AI จะวิเคราะห์ภาพและให้คำแนะนำได้ทันที
Galaxy Z TriFold จะเริ่มวางจำหน่ายที่เกาหลีใต้เป็นที่แรกในวันที่ 12 ธันวาคม 2025 นี้ และจากข้อมูลระบุว่าจะเข้าสู่ตลาดอื่น ๆ รวมถึงสหรัฐฯ ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2026 แม้ราคายังไม่เปิดเผยอย่างเป็นทางการ แต่ถ้าดูจากเทคโนโลยีที่อัดแน่นขนาดนี้ เตรียมใจไว้ได้เลยว่าราคาน่าจะสูงกว่า Galaxy Z Fold รุ่นปกติพอสมควร
เมื่อเทียบกับคู่แข่งในตลาดอย่าง Huawei Mate XT ที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้ ความแตกต่างชัดเจนคือรูปทรงการพับ โดย Mate XT พับเป็นรูปตัว Z ซึ่งทำให้หน้าจอส่วนหนึ่งต้องสัมผัสภายนอกตลอดเวลา ในขณะที่ Samsung เลือกพับเข้าในทั้งหมดเพื่อความปลอดภัยของหน้าจอ ซึ่งน่าจะตอบโจทย์ผู้ใช้งานที่กังวลเรื่องรอยขีดข่วนได้มากกว่า ทั้งสองรุ่นมีน้ำหนักใกล้เคียงกันที่ราว ๆ 300 กรัม แต่ Samsung จะหนากว่าเล็กน้อยเมื่อพับเก็บ
ข้อสังเกตเล็กน้อยคือ ในข้อมูลชุดนี้ยังไม่มีการยืนยันเรื่องการรองรับ S Pen ซึ่งอาจจะเป็นจุดพิจารณาสำหรับสายจดบันทึก แต่ด้วยพื้นที่หน้าจอและฟีเจอร์ DeX ก็นับว่าทดแทนกันได้ในระดับหนึ่งสำหรับงาน Productivity
Thumbsup มองว่า การมาของ Samsung Galaxy Z TriFold ไม่ใช่แค่การออกมือถือรุ่นใหม่ แต่เป็นการ “Re-define” พื้นที่การทำงานและการใช้ชีวิตในยุค AI First สำหรับนักการตลาดและคนทำงาน นี่คืออุปกรณ์ที่อาจจะทำให้เราเลิกพกแท็บเล็ตหรือแม้กระทั่งแล็ปท็อปในวันสบาย ๆ ได้จริง ๆ
ในมุมมองการแข่งขัน ซัมซุงกำลังบอกโลกวา “Form Factor War” ยังไม่จบ และพวกเขากลับมาทวงพื้นที่สื่อด้วยนวัตกรรมที่จับต้องได้จริง ไม่ใช่แค่ Concept Phone ความท้าทายต่อไปคือ “ราคา” และ “การใช้งานจริง” ว่าบานพับและการจัดการแบตเตอรี่จะทนทานแค่ไหนในระยะยาว แต่ถ้าถามเรื่องความว้าว นาทีนี้ต้องยกนิ้วโป้งให้จริง ๆ
ใครที่กำลังมองหา Gadget ที่จะมาช่วยเพิ่ม Productivity แบบก้าวกระโดด หรือแค่อยากเท่ที่สุดในออฟฟิศ เริ่มหยอดกระปุกรอกันได้เลย ปี 2026 จะเป็นปีที่ตลาดมือถือสนุกแน่นอน
อ่านเพิ่มเติม


