ถ้าคุณคิดว่าสงครามสตรีมมิ่งจบลงแล้ว อยากให้ลองคิดใหม่ เพราะในปี 2025 นี้ ภาพรวมของอุตสาหกรรมกำลังเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุคที่ ดุเดือด กว่าเดิม ชนิดที่ว่าใครปรับตัวช้าอาจมีสิทธิ์หลุดวงโคจรได้ง่าย ๆ
ในยุคที่ผู้บริโภคมีตัวเลือกมากเกินความจำเป็น คำถามสำคัญไม่ใช่แค่ ใครมีหนังดีกว่ากัน อีกต่อไป แต่มันคือเรื่องของ Ecosystem, การควบรวมกิจการ และการแย่งชิงเวลาของผู้ชมในระดับวินาที วันนี้ Thumbsup จะพาไปกางตัวเลขดู 10 อันดับแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งที่มีผู้ใช้งานมากที่สุดในโลกประจำปี 2025 และถอดรหัสกลยุทธ์เบื้องหลังตัวเลขเหล่านั้นว่า นักการตลาดอย่างเราเรียนรู้อะไรได้บ้าง

โลกที่ไม่ได้วัดกันแค่ “จำนวนคน” แต่วัดกันที่ “ความคุ้มค่า”
ก่อนจะไปดูอันดับ ต้องยอมรับความจริงข้อหนึ่งว่า การวัดความสำเร็จด้วย ยอดผู้ติดตาม (Subscriber Count) เพียงอย่างเดียวอาจไม่ใช่ตัวชี้วัดที่แฟร์ที่สุด เพราะบางบริการไม่ได้เปิดทั่วโลก และบางแอปพลิเคชันก็มีความยากง่ายในการเข้าถึงต่างกัน
แต่ถึงอย่างนั้น ตัวเลขผู้ติดตามก็ยังเป็นดัชนีที่ชัดเจนที่สุดในการบอกว่า ใครคือผู้ครองตลาดโลก วันนี้เราจึงนำข้อมูลจาก Digital Trends และรายงานผลประกอบการของบริษัทแม่มาจัดอันดับให้เห็นภาพชัด ๆ
และนี่คือโฉมหน้าของ 10 ผู้เล่นตัวจริงในปี 2025
10. Peacock ม้ามืดที่ใคร ๆ ก็เคยเมิน
ยอดผู้ติดตาม: 41 ล้านราย
จำได้ไหมครับช่วงแรกที่ Peacock เปิดตัว หลายคนมองบนใส่ด้วยซ้ำ เพราะคอนเทนต์ Exclusive น้อยจนน่าใจหาย แต่ NBC เจ้าของแพลตฟอร์มกัดฟันสู้ไม่ถอย จนไตรมาส 2 ของปี 2025 พวกเขามียอดผู้ใช้งานแตะ 41 ล้านราย (โตขึ้นจากปี 2021 ถึง 4 เท่า!)
กลยุทธ์ที่ทำให้รอดตาย? คือการวาง Pricing Strategy ที่เข้าถึงง่าย และการถือลิขสิทธิ์ พรีเมียร์ลีกอังกฤษ ในสหรัฐฯ ซึ่งดึงดูดฐานแฟนบอลมหาศาล พิสูจน์ให้เห็นว่า Content is King ยังใช้ได้เสมอ โดยเฉพาะคอนเทนต์กีฬา
9. Hulu การนับถอยหลังสู่บ้านใหม่
ยอดผู้ติดตาม: 55 ล้านราย
Hulu คือเคสศึกษาของการ ควบรวมเพื่อความอยู่รอด ปัจจุบัน Disney เข้ามาคุมเกมเบ็ดเสร็จ จุดเด่นของ Hulu คือคอนเทนต์สายรางวัลอย่าง The Handmaid’s Tale หรือ Only Murders in the Building
แต่สิ่งที่นักการตลาดต้องจับตาคือ อนาคตของ Hulu ในฐานะแอปฯ เดี่ยว ๆ กำลังจะหมดไปภายในปี 2026 เพราะจะถูกจับไปรวมร่างอยู่ใน Disney+ แบบสมบูรณ์ เพื่อลดความซ้ำซ้อนและสร้าง Super App ด้านความบันเทิงขึ้นมา
8. Paramount+ พลังของจักรวาลเดิม
ยอดผู้ติดตาม: 77 ล้านราย
บ้านของ Star Trek และฟุตบอล Champions League ยังคงเติบโตต่อเนื่องด้วยยอด 77 ล้านราย แม้จะเพิ่งเสียลูกค้าไป 1.3 ล้านรายในช่วงต้นปี 2025 ก่อนการควบรวมกับ Skydance Media แต่ด้วยขุมทรัพย์คอนเทนต์ในมืออย่าง CBS, MTV และ Nickelodeon ทำให้ Paramount+ ยังคงเป็นผู้เล่นที่ประมาทไม่ได้ในตลาดตะวันตก
7. iQiyi บริการ Netflix แห่งมังกรจีน
ยอดผู้ติดตาม: 101.1 ล้านราย
ข้ามมาฝั่งเอเชียกันบ้าง iQiyi (อ้ายฉีอี้) จาก Baidu คือตัวอย่างของการทำ Localization ที่แข็งแกร่ง แม้ฐานหลักจะอยู่ที่จีน แต่การรุกตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รวมถึงไทย ด้วยซีรีส์จีน เกาหลี และอนิเมะ ทำให้พวกเขาทะลุ 100 ล้านซับฯ ไปเรียบร้อย โมเดล Freemium (ดูฟรีแบบมีโฆษณา หรือจ่ายเงินเพื่อเป็น VIP) ยังคงเป็นไม้ตายที่ใช้เจาะตลาด Emerging Market ได้ดีเสมอ
6. Tencent Video ยักษ์ใหญ่ที่ซุ่มเงียบ
ยอดผู้ติดตาม: 114 ล้านราย
คู่แข่งตลอดกาลของ iQiyi อย่าง Tencent Video (หรือ WeTV ในบ้านเรา) ยังคงครองแชมป์ในจีนด้วยจำนวนประชากรที่มหาศาล ยิ่งไปกว่านั้น ดีลพิเศษที่จับมือกับ Disney เพื่อฉายคอนเทนต์ตะวันตกในจีน ยิ่งทำให้ Ecosystem ของ Tencent แข็งแกร่งจนยากจะล้ม
5. Disney+ การจัดทัพใหม่ของอาณาจักรตัวละคร
ยอดผู้ติดตาม: 127.8 ล้านราย
หลังจากเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ในปี 2019 Disney+ ก็เจอกับ Reality Check พอสมควร ตัวเลข 127.8 ล้านรายนี้แบ่งเป็นในสหรัฐฯ/แคนาดา 59.4 ล้าน และตลาดโลก 68.4 ล้าน
กลยุทธ์หลักในปี 2025 ของ Disney คือ การมัดรวม Hulu และ ESPN+ เข้ามาในแพ็กเกจเดียว เพื่อขังผู้ใช้งานให้อยู่ในจักรวาลของตัวเองให้นานที่สุด เป็นกลยุทธ์ Classic Marketing ที่ยังทรงพลังเมื่อคุณมี Product ในมือมากพอ
4. HBO Max การกลับมาของชื่อเดิม
ยอดผู้ติดตาม: 128 ล้านราย
งงในงงกับชื่อแบรนด์! จาก HBO Go -> HBO Max -> Max และในปี 2025 Warner Bros. Discovery ตัดสินใจรีแบรนด์กลับมาเป็น HBO Max อีกครั้ง
แต่ไม่ว่าจะชื่ออะไร Quality Content ก็คือหัวใจ HBO Max ขยายตลาดไปกว่า 90 ประเทศ และการเพิ่มคอนเทนต์ข่าวกีฬาจาก CNN และ Bleacher Report เข้ามา ทำให้แพลตฟอร์มนี้มีความวาไรตี้มากขึ้น ไม่ใช่แค่หนังดูแล้วจบ แต่มี Live Event ดึงคนให้เข้ามาใช้งานทุกวัน อย่างไรก็ตามต้องลุ้นว่า Netflix ที่เพิ่งซื้อส่วนหนึ่งของกิจการ
Warner Bros. Discovery ไป จะเลือกใช้ HBO Max อย่างไร
3. Amazon Prime Video กับพลังของ Eco-system
ยอดผู้ติดตาม: 200+ ล้านราย
นี่คือกรณีศึกษาที่น่าสนใจที่สุด เพราะ Prime Video ไม่ใช่แค่แอปดูหนัง แต่มันคือ Value Added ของสมาชิก Amazon Prime ความฉลาดของ Jeff Bezos และ Andy Jassy คือการทำให้ Video เป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์การช้อปปิ้ง
นอกจากนี้ Amazon ยังฉลาดในการทำตัวเป็น Aggregator คือเป็นหน้าร้านให้คนมาสมัคร Paramount+ หรือ Max ผ่านแอปตัวเองได้อีก กินค่าต๋งสบาย ๆ โดยไม่ต้องผลิตคอนเทนต์เองทั้งหมด
2. JioHotstar ผู้ท้าชิงที่น่ากลัวที่สุด (ที่คุณต้องรู้จัก)
ยอดผู้ติดตาม: 300 ล้านราย
ไฮไลท์สำคัญของปี 2025 อยู่ที่นี่ครับ! การควบรวมกิจการระหว่าง Disney+ Hotstar และ JioCinema ของมหาเศรษฐีอินเดีย ทำให้เกิดแบรนด์ใหม่ JioHotstar
สิ่งที่น่าขนลุกคืออัตราการเติบโต จาก 15 ล้านซับฯ พุ่งไป 100 ล้านภายใน 3 เดือน (ธ.ค. 24 – มี.ค. 25) หรือโตขึ้น 700%! และจบครึ่งปีด้วยยอด 300 ล้านราย สาเหตุหลักคือประชากรอินเดีย 1.5 พันล้านคน และคอนเทนต์กีฬาคริกเก็ตที่เป็นดั่งศาสนาของที่นั่น
นี่คือสัญญาณเตือนว่า ตลาดเอเชียใต้ คือเหมืองทองแห่งใหม่ของธุรกิจ Digital Service ที่ใครก็มองข้ามไม่ได้
1. Netflix ราชาผู้ไม่ยอมลงจากบัลลังก์
ยอดผู้ติดตาม: 301.6 ล้านราย
และอันดับ 1 ยังคงเป็น Netflix ด้วยยอด 301.6 ล้านราย (ข้อมูล ณ สิ้นปี 2024) เพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 40 ล้านราย
Netflix พิสูจน์แล้วว่า First Mover Advantage มีจริง แต่สิ่งที่รักษาแชมป์ไว้ได้คือ Global Localization อย่างปรากฏการณ์ Squid Game ที่ทลายกำแพงภาษา หรือการทำซับไตเติ้ล/พากย์เสียงที่ครอบคลุมทั่วโลก
แต่จุดเปลี่ยนสำคัญในปี 2025 คือ Netflix ประกาศ “เลิกรายงานตัวเลขผู้ติดตามรายไตรมาส” แล้ว โดยหันไปโฟกัสที่ Revenue และ Engagement แทน นี่เป็นการส่งสัญญาณบอกตลาดทุนว่า เลิกมองแค่ยอดหัวคนสมัครได้แล้ว ให้มองที่ความสามารถในการทำเงินจากแต่ละหัวแทน

อ่านเพิ่มเติม



