ในโลกธุรกิจที่หมุนเร็วขึ้นทุกวัน การไล่ตามยอดขายรายวันอาจทำให้นักการตลาดหลายคนหลงลืม “รากฐาน” ที่สำคัญที่สุด นั่นคือความแข็งแกร่งของแบรนด์ ล่าสุด MI GROUP ผู้นำด้านที่ปรึกษาทางการตลาดและการสื่อสาร ได้ออกมาเปิดเผยภาพรวมอุตสาหกรรมโฆษณาไทยปี 2568 และทิศทางปี 2569 ในงาน “MI GROUP Wisdom 2026 – The Balance Kit” ซึ่งปีนี้นับเป็นปีที่ 5 ของการส่งมอบองค์ความรู้สู่สังคมการตลาดไทย

Thumbsup ได้สรุปประเด็นสำคัญ ทั้งเรื่องเม็ดเงินโฆษณาที่คาดว่าจะแตะแสนล้านบาท และ 5 กลยุทธ์ความอยู่รอดในยุคที่ AI และ Human ต้องทำงานร่วมกัน

2026: ปีแห่งการเติบโตที่ “ซ่อนรูป” ของเม็ดเงินโฆษณา

คุณภวัต เรืองเดชวรชัย President & CEO ของ MI GROUP ได้เปิดเผยตัวเลขคาดการณ์เม็ดเงินโฆษณาในปี 2569 ว่าจะอยู่ที่ประมาณ 86,271 ล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่ทรงตัวเมื่อเทียบกับปี 2568 โดยมีการเติบโตเพียงเล็กน้อยที่ +0.64% เท่านั้น สาเหตุหลักมาจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและปัจจัยลบในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ที่ยังส่งผลต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม ตัวเลข 8.6 หมื่นล้านบาทนี้ อาจไม่ใช่ภาพสะท้อนทั้งหมดของอุตสาหกรรม เพราะหากนับรวมเม็ดเงินที่กระจายอยู่ใน สื่อดิจิทัล (Digital Media) ซึ่งไม่สามารถเก็บข้อมูลผ่านระบบปกติได้ โดยเฉพาะงบการตลาดที่ SMEs ใช้ยิงโฆษณาด้วยตนเอง รวมถึงตลาด Influencer Marketing ที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด MI GROUP คาดการณ์ว่าเม็ดเงินโฆษณาที่แท้จริงอาจพุ่งสูงแตะระดับ 111,603 ล้านบาท เลยทีเดียว

นี่คือสัญญาณที่บอกว่า เม็ดเงินไม่ได้หายไปไหน แต่ “ย้ายที่อยู่” ไปอยู่ในแพลตฟอร์มที่วัดผลได้ยากขึ้น และมีความเฉพาะเจาะจงมากขึ้น

The Balance Kit: เมื่อ “เร็วพอ” ต้องมาพร้อม “มั่นคงพอ”

โจทย์ใหญ่ของนักการตลาดในปี 2026 ไม่ใช่แค่การสร้างยอดขายให้เร็วที่สุด แต่คือการหาจุดสมดุล คุณภวัต ชี้ให้เห็นว่า ในโลกที่หมุนเร็ว การเติบโตของแบรนด์ต้องมีทั้ง Quick Impact หรือผลลัพธ์ระยะสั้นที่ขับเคลื่อนยอดขายได้ทันที และ Lasting Strength พลังระยะยาวที่สร้างความเชื่อมั่นให้กับแบรนด์

แนวคิด “The Balance Kit – Tree of Growth” จึงถูกพัฒนาขึ้นเพื่อให้นักการตลาดกลับมาทบทวนว่า วันนี้เรากำลังเอนเอียงไปทาง “ยอดขาย” มากเกินไปจนลืมสร้าง “คุณค่าแบรนด์” หรือไม่ เพราะการเติบโตที่ยั่งยืนต้องยืนอยู่บนสองขาที่แข็งแรงเท่ากัน 6

ถอดรหัส 5 กลยุทธ์การตลาดปี 2026: ชนะทั้ง “ใจ” และ “ยอดขาย”

คุณวรินทร์ ทินประภา Chief Growth Officer ของ MI GROUP ได้สรุปทิศทางการตลาดที่แบรนด์ต้องเผชิญ ภายใต้การเปลี่ยนแปลงของ ผู้บริโภค, สื่อ และเทคโนโลยี ไว้ใน 5 ประเด็นสำคัญที่นักการตลาดต้องปรับตัว

Trust is the New Currency (ความเชื่อใจคือสกุลเงินใหม่)

ภายใต้แนวคิด Value-First, Proof-Driven และ Simplicity-Oriented ผู้บริโภคยุคใหม่มองหาความคุ้มค่าที่พิสูจน์ได้และไม่ซับซ้อน แบรนด์จึงต้องออกแบบประสบการณ์ที่สร้าง “ความเชื่อใจ” (Trust) ได้จริง เพราะในยุคนี้ Trust คือตัวแปรที่สำคัญที่สุดที่จะเปลี่ยนเป็น Conversion

Video as Point of Sale & AI as the First Gate

บทบาทของสื่อกำลังเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง วิดีโอ (Video) ไม่ได้ทำหน้าที่แค่สร้างการรับรู้ (Awareness) อีกต่อไป แต่มันกลายเป็น Point of Sale ที่ปิดการขายได้ทันที ในขณะเดียวกัน AI ได้ก้าวเข้ามาเป็น “ด่านแรก” ในการค้นหาและคัดกรองข้อมูลของผู้บริโภค ก่อนที่พวกเขาจะตัดสินใจซื้อ

Every Platform is a Commerce Platform

เส้นแบ่งระหว่างโซเชียลมีเดียและอีคอมเมิร์ซจางหายไป ทุกแพลตฟอร์มกำลังกลายเป็น Commerce Ecosystem ที่เชื่อมโยง Platform + Content + Creator เข้าด้วยกัน แบรนด์ไม่สามารถวางกลยุทธ์แยกส่วนได้อีกต่อไป แต่ต้องมองให้เห็นภาพรวมทั้งระบบ

Creator & KOL: The Conversion Engine

ครีเอเตอร์และ KOL ไม่ได้มีหน้าที่แค่ถือสินค้าโชว์อีกต่อไป แต่พวกเขาคือ Trust & Conversion Engine กลไกสำคัญที่เปลี่ยน “ความสนใจ” ของผู้ชม ให้กลายเป็น “ความเชื่อมั่น” และนำไปสู่ “การซื้อจริง” ในที่สุด

Online Decision x Offline Connection

แม้ AI จะเร่งให้การตัดสินใจซื้อบนโลกออนไลน์เกิดขึ้นเร็วขึ้น แต่ ประสบการณ์จริงและความเป็นมนุษย์ (Human Touch) บนโลกออฟไลน์ ยังคงเป็นหัวใจสำคัญของการสร้างความผูกพันระยะยาว (Long-term Engagement) ความได้เปรียบจึงตกเป็นของแบรนด์ที่สามารถออกแบบ Customer Journey เชื่อมต่อโลกออนไลน์และออฟไลน์ได้อย่างไร้รอยต่อ

สมการใหม่ของการเติบโต Brand × Human × AI

คุณวรินทร์ ทิ้งท้ายไว้อย่างน่าสนใจว่า แบรนด์ที่จะเติบโตได้ในยุค AI ไม่ใช่แบรนด์ที่เก่งเทคโนโลยีที่สุด แต่คือแบรนด์ที่เข้าใจ Commerce Ecosystem และสามารถเชื่อมโยง 3 สิ่งเข้าด้วยกัน คือ Brand × Human × AI

  • AI: ขับเคลื่อนการตัดสินใจ (Decision)
  • Human: สร้างความเชื่อใจ (Trust)
  • Brand: ออกแบบประสบการณ์ (Experience)

เพื่อให้ทั้งสามส่วนทำงานร่วมกันเป็นระบบ สร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันที่คู่แข่งเลียนแบบได้ยาก

แจกฟรี! เครื่องมือเช็กสุขภาพแบรนด์ “The Balance Kit”

เพื่อเป็นการส่งมอบของขวัญปีใหม่ให้นักการตลาดไทย คุณพศธร สุขอัมพร ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ MI GROUP ได้เปิดตัวเครื่องมือ The Balance Kit เว็บแอปพลิเคชันที่จะช่วยประเมินสมดุลการทำการตลาดของคุณผ่าน 3 ขั้นตอนง่ายๆ

  1. ระบุระยะการเติบโต (Growth Stage): แบรนด์ของคุณอยู่ในระยะไหน? (แบรนด์ใหม่, กำลังโต, ผู้นำ หรือ เฉพาะกลุ่ม)
  2. ประเมินผ่านโมเดล APEC: วิเคราะห์กิจกรรมการตลาดปีที่ผ่านมาผ่านกรอบ Awareness – Perception – Engagement – Conversion เพื่อหาจุดแข็งและจุดเสี่ยง
  3. รับผลวิเคราะห์และกลยุทธ์: ระบบจะประมวลผลและให้คำแนะนำเชิงกลยุทธ์จากทีม MI Wisdom เพื่อนำไปปรับใช้ในปี 2569

นักการตลาดและ SMEs ที่สนใจ สามารถเข้าไปลองใช้งานได้ฟรี เพื่อเช็กว่าแบรนด์ของคุณกำลัง “โตเร็วพอ” และ “ลึกพอ” หรือไม่ ได้ที่ https://balance.migroup.agency/

ปี 2026 จะเป็นปีแห่งการพิสูจน์ฝีมือ “นักบริหารสมดุล” ใครที่สามารถวิ่งได้เร็วโดยไม่ทิ้งรากฐาน จะเป็นผู้ชนะในสนามที่มีเม็ดเงินแสนล้านเป็นเดิมพัน

I'm a Content Creator and Storyteller, and i love Shooting my daughter :><: