BN-BK093_Chip_G_20140206134902

หลังจากใช้ระบบการรูดบัตรเครดิตในรูปแบบต่างๆ กันมาหลายต่อหลายปี ตั้งแต่ระบบการรูดบัตรพลาสติก โดยผ่านแถบแม่เหล็ก จนกระทั่งเปลี่ยนมาเป็นระบบชิพ ซึ่งว่ากันว่ามีความปลอดภัยกันมากยิ่งขึ้น จากนั้นก็นำเอาสลิปบัตรเครดิตมาเซ็นโดยเจ้าของบัตร อย่างไรก็ตามระบบนี้ยังข้อเสียในด้านของความปลอดภัยอยู่มาก ทำให้มีการกำหนดว่าจะเปลี่ยนระบบทั้งบบในช่วงปลายปีหน้าแล้ว…

ในปัจจุบันระบบการรูดบัตรเครดิตแบบใหม่ ที่เป็นบัตรแบบชิพ แบบเดียวกับที่ใช้ในปัจจุบัน แต่จะใช้วิธีการกด PIN Code ในการยืนยันตัวตนแทนลายเซ็นต์ เริ่มมีการนำมาใช้บ้างแล้ว ซึ่งเป็นการนำมาใช้แทนการใช้งานแบบเดิมคือวิธีการรูดบัตรด้วยแถบแม่เหล็ก และลายเซ็นต์ยืนยันนั้นมีช่องโหว่ทางด้านความปลอดภัยเป็นอย่างมาก

แม้จะมีการนำมาใช้ในตลาดหลายๆ ประเทศแล้วก็ตาม แต่กับตลาดที่ถือได้ว่าใหญ่ที่สุดในโลกอย่างประเทศสหรัฐฯ กลับยังมีการเปลี่ยนไปใช้ไม่มากนัก ทั้งนี้อาจจะเป็นเพราะรูปแบบการใช้งานบัตรเครดิจและเดบิตในสหรัฐฯ นั้นมีความซับซ้อนมากกว่าหลายๆ ประเทศ ทั้งการเปลี่ยนยังกระทบต่อการทำงานของหลายองค์กรหรือหน่วยงานด้วย

credit-cards-732

อย่างไรก็ตามทางผู้เชี่ยวชาญจากทาง Master Card ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่ม EMVCo ได้กล่าวว่าแผนการเปลี่ยนได้รับการเสนอมาตั้งแต่ปี 2012 ที่ผ่านมาแล้ว แต่เชื่อว่าจะมีการบังคับให้เปลี่ยนการนำระบบแบบใหม่มาใช้ได้ในช่วงปลายปี 2015 แน่นอน โดยคาดว่าจะนำสิ่งที่เรียกว่า “Liability Shift” มาใช้เป็นตัวขับเคลื่อนการเปลี่ยนในครั้งนี้

แม้ว่าร้านค้าบางร้านที่ยังไม่มีการเปลี่ยนระบบบัตรเครดิต จะยังคงสามารถที่จะรับชำระค่าสินค้าหรือบริการได้อยู่ แต่เมื่อเกิดปัญหาการทุจริต หรือฉ้อโกง (Fraud) ขึ้น และลูกค้านำบัตรเครดิตแบบชิพมาใช้ ทางร้านจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น ในขณะเดียวกันหากทางร้านค้ามีความพร้อมในด้านระบบและเครื่องรับบัตรเครดิตแล้ว แต่ธนาคารบางแห่งที่เป็น Acquirer ยังไม่รองรับระบบใหม่นี้ ความรับผิดชอบจะตกไปอยู่กับทางธนาคารทันที

กลุ่ม EMVCo ซึ่งเป็นผู้กำหนดมาตรฐาน EMV นั้นยังได้กล่าวว่า ระบบบัตรแบบชิพและการยืนยันตัวตนด้วยรหัส PIN นั้น ไม่ใช่สิ่งที่จะบอกว่ามันคือการพัฒนาเรื่องของอุปกรณ์หรือเทคโนโลยีเท่านั้น แต่มันคือเรื่องของความปลอดภัย ซึ่งทางกลุ่มจะยังพัฒนาให้การใช้งานมีความแตกต่าง หลากหลายสำหรับการใช้งานหลายๆ กรณี ไม่ว่าจะเป็นระบบไร้สายที่ต่อไปเราสามารถที่จะจ่ายเงินด้วยบัตรเพียงแค่การสัมผัสกับเครื่องอ่านเพียงเท่านั้น หรือทำให้การโยกย้ายถิ่นฐานของบัตรเครดิตนั้น มีความอิสระต่อการใช้งานมากขึ้นอีกด้วย

ความคิดเห็นของกองบรรณาธิการ: คาดว่าเราน่าจะได้เห็นประเทศทางฝั่งตะวันตก เตรียมที่จะเปลี่ยนรูปแบบกันในช่วงปลายปีหน้า แต่ในภูมิภาคเดียวกันกับประเทศไทย ก็น่าจะอิงเทคโนโลยีที่ไม่แตกต่างกันมากนัก และคาดว่าหากจะต้องเปลี่ยน ก็สามารถทำได้ง่ายกว่าประเทศใหญ่ๆ อย่างสหรัฐฯ แน่นอน เนื่องจากความซับซ้อน และขนาดของกลุ่มผู้ใช้งานนั้นยังถือว่าไม่มากนัก เมื่อลดความเสี่ยงต่อการฉ้อโกงได้ ก็น่าจะสร้างความเชื่อมั่นต่อตลาดและผู้บริโภคให้มีการจับจ่ายใช้สอย เพื่อให้ระบบเศรษฐกิจนั้นยืดหยุ่นและเติบโตมากยิ่งขึ้นไปด้วยเช่นกัน…

ที่มา: WSJ

10 years experience in telecommunication business, specialize in customer experience management and call center operation. Rungroj also passionate about how social technologies shape human interaction via social media. He is a co-author of "Marketing 2.0 and 2.1 - Social Media Marketing" and author of many best-selling mobile phone guidebook in Thailand.