ไวรัสโควิด-19 ระบาดเป็นระยะเวลากว่า 2 เดือนแล้ว มหาเศรษฐีทั้งหลายไม่ว่าจะเป็น Bill Gate, Jack Ma หรือองค์กรระดับโลกอย่าง LVMH, Alibaba, Tencent ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ร่วมบริจาคเงินทุนพัฒนาวัคซีน การสนับสนุน และอุปกรณ์ทางการแพทย์ จะมีใครกันบ้างไปดูกันเลย
Bill Gate
![](https://www.thumbsup.in.th/wp-content/uploads/2020/03/Bill_og_Melinda_Gates_2009-06-03_bilde_01-1024x683.jpeg)
Bill Gate มหาเศรษฐีผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท Microsoft ประกาศบริจาคผ่านมูลนิธิ Bill and Melinda Gates Foundation เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาเป็นจำนวนกว่า 100 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 3 พันล้านบาท
- 20 ล้านเหรียญ บริจาคให้แก่องค์การอนามัยโลก (WHO) และศูนย์ควบคุมโรคของสหรัฐอเมริกา เพื่อช่วยเหลือการตรวจโรค การกักกัน การรักษา และการประกาศต่างๆ
- 20 ล้านเหรียญ บริจาคเพื่อป้องกันการระบาดของโรคในพื้นที่แอฟริกาและเอเชียใต้ ซึ่งจะช่วยเหลือเจ้าหน้าที่สาธารณสุข เพื่อการเฝ้าระวังโรคที่มีประสิทธิภาพและเพิ่มขีดความสามารถในการรักษา
- 60 ล้านเหรียญ บริจาคให้แก่กลุ่มพันธมิตรความร่วมมือด้านนวัตกรรมเพื่อรับมือโรคระบาด (CEPI) และศูนย์วิจัยของภาครัฐและเอกชนอีกมากมาย เพื่อการพัฒนาวัคซีนในระยะยาว การรักษา การวินิจฉัย และการป้องกันการระบาดของโรค
Jack Ma
![](https://www.thumbsup.in.th/wp-content/uploads/2020/03/34106079942_08767e4110_b.jpg)
Jack Ma ผู้ก่อตั้ง Alibaba และมหาเศรษฐีผู้ร่ำรวยที่สุดในแผ่นดินจีน ได้บริจาคเงินส่วนตัวจำนวน 14.4 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 450 ล้านบาทผ่านมูลนิธิ Jack Ma Foundation เพื่อพัฒนาวัคซีนป้องกันโรค COVID-19
- บริจาคหน้ากากอนามัยจำนวน 1 ล้านชิ้นให้แก่ญี่ปุ่น เพื่อตอบแทนที่ญี่ปุ่นเคยช่วยเหลือจีนในช่วงแรกที่ไวรัสระบาด
- มอบเงินทุนจำนวน 2.15 ล้านเหรียญสหรัฐ ให้แก่ศูนย์วิจัยของมหาวิทยาลัย Columbia University เพื่อพัฒนายาต้านไวรัสและ Antibody
- มอบเงินทุนจำนวน 2.15 ล้านเหรียญสหรัฐ ให้แก่สถาบัน Doherty ในออสเตรเลียเพื่อพัฒนาวัคซีน ซึ่งได้พัฒนาเพาะเลี้ยงเซลล์ป้องกันโคโรน่าไวรัสได้เป็นแห่งแรกนอกประเทศจีน
Pony Ma
![](https://www.thumbsup.in.th/wp-content/uploads/2020/03/6297325028_07193657f5_b.jpg)
Ma Huateng หรือเป็นที่รู้จักกันในชื่อ Pony Ma ผู้ก่อตั้งบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของจีน เจ้าของ Wechat และ TikTok บริจาคเงินประมาณ 300 ล้านหยวน หรือประมาณ 42 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อช่วยบรรเทาสถานการณ์ COVID-19 ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด
เจ้าสัวธนินท์
![](https://www.thumbsup.in.th/wp-content/uploads/2020/03/ธนินท์-เจียรวนนท์-1024x719.jpg)
เจ้าสัวธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานวุโส เครือเจริญโภคภัณฑ์ ระบุว่าเครือเจริญโภคภัณฑ์ ร่วมบริจาคเงินจำนวน 200 ล้านบาทหรือประมาณ 50 ล้านหยวน โดยแบ่งได้ดังนี้
- เงินสดจำนวน 30 ล้านหยวน
- เครื่องอุปโภคบริโภครวมมูลค่า 20 ล้านหยวน อาทิเช่น อาหาร อุปกรณ์ป้องกันโรค และอุปกรณ์ทางการแพทย์
นอกจากนี้ยังมอบเงินทุนให้แก่องค์กรวิจัยด้านวิทยาศาสตร์อีกด้วย
- มอบเงินทุนจำนวน 10 ล้านหยวน ให้แก่ Chinese Academy of Medical Sciences และ Peking Union Medical College เพื่อจัดตั้งกองทุนวิจัยด้านวิทยาศาสตร์ สำหรับงานวิจัยไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่
- มอบเงินทุนจำนวน 20 ล้านหยวน ให้แก่ Overseas Chinese Charity Foundation of China เพื่อช่วยเหลือและป้องกันการแพร่ระบาดของโรค ในมณฑลหูเป่ย
บรรษัทข้ามชาติ
- มหาเศรษฐีชาวฝรั่งเศส Bernard Arnault บุคคลที่ร่ำรวยที่สุดอันดับ 3 ของโลก เจ้าของ LVMH และ Francois Pinault มหาเศรษฐีเจ้าของบริษัท Kering ร่วมบริจาคเงินจำนวน 2.3 ล้านเหรียญสหรัฐ และ 1 ล้านเหรียญสหรัฐตามลำดับ
- Alibaba ได้มอบเงินทุนจำนวน 144 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อซื้ออุปกรณ์การแพทย์ในเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย นอกจากนี้บริษัทยังมอบคอมพิวเตอร์ AI ให้แก่องค์กรวิจัยทางวิทยาศาสตร์เพื่อสนับสนุนการค้นหาวัคซีนและวิธีรักษา สำหรับจังหวัดอู่ฮั่นและหูเป่ยซึ่งเป็นศูนย์กลางของการระบาดของไวรัส
- Tencent บริษัทโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่ของจีนได้ก่อตั้งกองทุนเพื่อสนับสนุนเวชภัณฑ์สำหรับอู่ฮั่น
- Microsoft มอบเงินสนับสนุนจำนวน 142,400 เหรียญสหรัฐ เพื่อสนับสนุนการบรรเทาทุกข์ในจังหวัดอู่ฮั่นและหูเป่ย
- Cargill ซึ่งเป็นบริษัทด้านการเกษตรในสหรัฐอเมริกาและ Dell ร่วมบริจาคเงินจำนวน 284,800 เหรียญสหรัฐให้แก่สภากาชาดจีน
- Boeing มอบหน้ากากอนามัยจำนวน 250,000 ใบเพื่อช่วยเหลือพนักงานและบุคลากรทางการแพทย์อู่ฮั่นและโจวซาน
ตามรายงานขององค์การอนามัยโรค (5 มี.ค. 63) พบผู้ติดเชื้อประมาณ 94,000 คน และมียอดผู้เสียชีวิตทั้งหมดประมาณ 3,200 คน ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในประเทศจีน เกาหลี อิตาลี และอีหร่าน ตามลำดับ ในทางกลับกันพบว่าสถานการณ์ขณะนี้เริ่มดีขึ้น โดยอัตราการพบผู้ติดเชื้อรายใหม่เริ่มลดลงอย่างมีนัยสำคัญ รวมถึงการได้รับเงินทุนและการสนับสนุนจากบุคคลและองค์กรต่างๆ จะสามารถพัฒนาวัคซีนและควบคุมการระบาดได้ดีขึ้นตามลำดับ
ที่มา Forbes, TheMomentum, axios