Site icon Thumbsup

blinkbox กรณีศึกษาการเปลี่ยนมาใช้ cloud เพื่อรองรับจำนวนผู้ใช้งานและ Video Streaming

blinkbox1

เดี๋ยวนี้การให้บริการจากผู้ให้บริการจะต้องมีความรวดเร็วและตอบสนองกับความต้องการของผู้บริโภคที่นับวันยิ่งจะสูงขึ้นเรื่อยๆ ด้านเทคโนโลยี รวมไปถึงด้านออนไลน์ที่แพร่หลายในตอนนี้ การทำสิ่งต่างๆ ก็ต้องคำนึงถึงทรัพยากรที่ต้องมารองรับด้วยเช่นกัน สมัยก่อนก็คงต้องวุ่นวายในการไปจัดการซื้ออุปกรณ์มารองรับ Network แต่ทุกวันนี้เราสบายขึ้นเพราะมี Cloud Solution ที่มารองรับทำให้ทุกอย่างโดยเฉพาะการเพิ่มด้าน Hardware ที่ไม่ต้องไปเสียเวลาซื้อเครื่องใหม่และไป Config ที่ Data Center

ด้วยเหตุนี้จึงเป็นที่มาของบทความที่จะแนะนำบริการที่ใช้งาน Cloud Solution ที่เรียกได้ว่าประสบความสำเร็จพอตัว เพราะด้วยตัวบริการของเขาเองนั้นต้องรองรับจำนวนผู้ใช้งานไม่น้อย แถมผู้ใช้แต่ละรายยังสูบปริมาณข้อมูลอย่างมาก เพราะนี่คือ blinkbox ผู้ให้บริการรายการโทรทัศน์และภาพยนตร์แบบสตรีมมิ่งจากสหราชอาณาจักร

แค่บริการก็บอกแล้วว่าถ้าจะต้องให้ผู้ใช้มานั่งรอโหลดเพื่อชมรายการเป็นเวลานานก็คงถูกว่าและบอกเลิกบริการกันไป ดังนั้น blinkbox ก็ต้องทำอะไรออกมาเพื่อรองรับความต้องการมหาศาลนี้ โดยยอดการใช้งานในปี 2013 ที่ผ่านมาทำให้มีรายได้เติบโตมากขึ้นถึง 245% แต่นั่นก็เป็นปัญหาที่เขาเจอเพราะก่อนหน้านี้เขาต้องไปที่ศูนย์ข้อมูล Datacenter ใน London เพื่อที่จะเข้าไปติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ เพิ่มเติมด้วยตัวเองเพื่อรองรับความต้องการ โดยเฉพาะการทำ Video encoding แปลงรูปแบบของข้อมูลรายการโทรทัศน์ต่างๆ ให้อยู่ใน Format ที่จะนำไปเผยแพร่ต่อกับอุปกรณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะแบบพื้นฐานในคอมพิวเตอร์, สมาร์ทโฟน, แท็บเล็ต หรือแม้กระทั่งเครื่องเกมอย่างเช่น XBOX แถมยังต้องทำอย่างรวดเร็วภายใน 24 ชั่วโมงหลังการออกอาการ ที่ต้องทำอย่างนี้ก็เพราะการป้องกันเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์ต่างๆ

ซึ่งถ้าใครอยู่ในวงการนี้ก็จะพอรู้ว่ามันใช้ทรัพยากรเครื่องมหาศาลขนาดไหน และสิ่งที่ตามมาก็คือค่าใช้จ่ายที่บานเบอะ…

ดังนั้น blinkbox เลยต้องหา solution ที่จะมาแก้ไขเรื่องนี้ ซึ่งโจทย์เขาก็คือ การเพิ่มปริมาณเพื่อการรองรับได้อย่างรวดเร็ว โดยมีค่าใช้จ่ายที่ไม่สูงมาก และคำตอบที่เขาเลือกใช้ นั่นคือ Cloud

เมื่อเลือกที่จะใช้ Cloud Solution แล้วเดือนสิงหาคมปี 2013 ทาง blinkbox ก็เริ่มทำการ migrate ส่วนที่เป็นการทำ video encoding และแอปพลิเคชันสำหรับการ streaming มาไว้บน Microsoft Azure โดยใช้ Azure Infrastructure as a Service โดยทาง Jon Robinson, Group Head of IT, blinkbox ได้บอกในช่วงที่กำลัง migrate ว่าเรากำลังเอาแอปพลิเคชันที่ทำขึ้นมาโดยใช้เวลา 5-6 ปี มา migrate มันเพื่อให้ใช้งานได้ตามปกติลงสู่ cloud

และหลังจากที่เขาเลือกใช้ Data Center ไป ทาง blinkbox ก็ประหยัดเงินในการดูแลรักษาไปมากกว่าล้านเหรียญสหรัฐฯ แถมยังสามารถควบคุมการเปิดปิด server ที่มีไว้สำหรับทำ video encoding เมื่อทำเสร็จแล้วด้วย เพื่อประหยัดทรัพยากรของระบบ ซึ่งไม่สามารถทำได้บน Data Center

โดยปกติการทำ video encoding จะต้องรอคิวในการทำยาวเป็นสัปดาห์ แต่เมื่อใช้ Microsoft Azure แล้วก็ใช้เวลาเพียงแค่ไม่ถึงวันหรือไม่กี่ชั่วโมงก็เสร็จแล้ว

ทุกวันนี้ blinkbox มีปริมาณข้อมูลที่เก็บไว้บน Microsoft Azure ราว 700 terabytes ด้วยรูปแบบไฟล์ที่กำลังจะมีเพิ่มมากขึ้น ทำให้เร็วๆ นี้น่าจะต้องมีการเก็บถึงระดับ petabyte ในเร็ววันนี้ และอย่าลืมว่าทุกวันนี้ไฟล์ภาพที่มีความละเอียดสูง (HD) ขนาดของไฟล์ก็ต้องเยอะขึ้นเป็นเงาตามตัว Jon Robinson เลยพูดถึงเรื่องนี้ว่า เนื้อหาที่เป็นรูปแบบวิดีโอนั้นจะถูกเก็บด้วยขนาดไฟล์ที่ใหญ่ ซึ่งแน่นอนว่าก็ต้องทำการ streaming ที่เร็วด้วย อีกทั้งจำนวน format ของไฟล์ที่ต้องออกมารองรับทุกสิ่งอย่าง ดังนั้นความจุของ storage ที่เราต้องใช้งานยิ่งมากขึ้น มากขึ้นอีก แต่ตอนนี้เราไม่มีปัญหานั้นแล้ว เพราะเรามีอยู่ให้บน Microsoft Azure

ก่อนหน้านี้ที่ blinkbox จะย้ายมาใช้ Microsoft Azure เมื่อ blinkbox จะเพิ่มการสนับสนุนสำหรับการเปิดชมรายการบนอุปกรณ์ใหม่ๆ เขาจะต้องทำแผนขยายสิ่งต่างๆ ใน datacenter ล่วงหน้าหลายเดือน การที่ลูกค้าเปิดมาดูหนังตัวอย่างแล้วพบข้อความว่า เครื่องนี้ไม่รองรับ “this device is not supported’ message” เป็นสิ่งที่ไม่ดีแน่ๆ ทั้งนี้ก็เพราะอุปกรณ์ต่างๆ นั้นถูกเข็นออกมาอยู่แทบทุกวัน บางเจ้าก็บอกเราล่วงหน้าให้เตรียมเรื่องขนาดและ format ของวิดีโอ ตอนนี้เราอยู่บน Windows Azure แล้ว เลยสามารถที่จะใช้เวลาไม่นานนักในการทำ video encoding รวมไปถึงการขยายหรือเพิ่มจำนวน server ก็ทำได้ง่ายๆ ด้วยการคลิก และปรับได้ตลอดเวลาเพื่อให้เข้ากับสถานการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น เช่น หากจะมีการโปรโมท ก็เพิ่มจำนวน traffic ที่จะรองรับให้สูงขึ้นจากเดิม และปรับสู่ภาวะปกติได้ด้วยการคลิกเช่นกัน

ความเร็ว (speed), การขยายตัว (scale) และเรื่องรายจ่าย (economics) คือสูตรความสำเร็จของ blinkbox ที่มีต่อ cloud และนี่คืออีก 1 เคสที่ประสบความสำเร็จจากการย้ายมาใช้งาน cloud

ใครที่สนใจสามารถเข้าไปทดลองใช้ Windows Azure ได้ที่นี่ครับ

บทความนี้เป็น Advertorial